แนวโน้มราคาทอง
ลงทดสอบ $3,295
- ตลาดรอความคืบหน้าการเจรจา
ระหว่างสหรัฐฯ-จีน
Gold spot
สูงสุด – 3,328 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,293 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,400 บาท
ต่ำสุด – 51,150 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกเคลื่อนไหวในกรอบ 3,328-3,293 ดอลลาร์ ตลาดยังจับตา นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน เตรียมพบกันที่กรุงลอนดอนในวันนี้ เพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้โทรศัพท์พูดคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 4.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% โดยมีสาเหตุมาจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความขัดแย้งด้านการค้า ส่วนยอดนำเข้าร่วงลง 3.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.9% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น 25% ในเดือนพ.ค. แตะที่ระดับ 1.032 แสนล้านดอลลาร์
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเช้า ยังคงติดแนวต้านที่ระดับ 3,328 ดอลลาร์ จึงประเมินว่าราคาอาจมีการย่อตัวลงทดสอบแนวรับที่ระดับ 3,295 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,245 และ 3,200 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,330 และ 3,365 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่พยายามฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเช้านี้ อาจยังติดแนวต้านที่ระดับ 3,330 ดอลลาร์ จึงแนะนำทยอยแบ่งขายทำกำไรจากแนวต้านดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 3,200 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 50,500 และ 50,050 บาท
แนวต้าน 51,400 และ 51,750 บาท
ทองคำในประเทศที่เร่งตัวขึ้นมา อาจเผชิญแรงขายจากแนวต้านที่ระดับ 51,400 บาท จึงยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ระดับ 50,500 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 51,400 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 50,050 บาท