จีน-อียู เร่งขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ฝ่าสงครามภาษีสหรัฐ โดยการลงทุนจากจีนในยุโรปปี 2567 เพิ่มขึ้น 47% แตะ 10,000 ล้านยูโร
วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 23.01 น. สำนักข่าว China Daily รายงานว่า จีนและสหภาพยุโรป (EU) กำลังยกระดับความร่วมมือในช่วงเวลาที่สหรัฐเพิ่มแรงกดดันด้านภาษีและการค้าโลกมีแนวโน้มแตกแยกมากขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นี่สะท้อนถึงพันธกิจร่วมกันของจีนและ EU ที่มุ่งสู่ความเปิดกว้าง เสถียรภาพ และผลประโยชน์ร่วมกันในโลกที่ไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในปี 2567 การลงทุนจากจีนใน EU เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการฟื้นตัวครั้งสำคัญครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559
การเติบโตดังกล่าวขับเคลื่อนโดยการลงทุนแบบ “Greenfield” ที่ทำสถิติสูงสุด และการฟื้นตัวของการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสอดคล้องทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ระหว่างทั้งสองฝ่าย ตามรายงานร่วมจาก Rhodium Group ในนิวยอร์ก และสถาบันวิจัย Mercator Institute for China Studies ของเยอรมนี (หมายเหตุ: การลงทุนแบบ Greenfield คือการที่บริษัทแม่ไปตั้งธุรกิจใหม่จากศูนย์ในประเทศปลายทาง)
นักวิเคราะห์ระบุว่า แนวโน้มนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีน-อียู ในช่วงที่นโยบายภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐเสี่ยงทำลายห่วงโซ่อุปทานโลก ทั้งยังชี้ว่า การเสริมสร้างความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการผลิตอัจฉริยะ จะไม่เพียงตอบโจทย์การพัฒนาของทั้งสองฝ่าย แต่ยังช่วยปกป้องระบบการค้ามหภาคอีกด้วย
การลงทุน Greenfield ของจีนในยุโรปเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.9 พันล้านยูโร ขณะที่การควบรวมและซื้อกิจการเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในปี 2567 อยู่ที่ 4.1 พันล้านยูโร
บริษัท Contemporary Amperex Technology (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในปี 2567 โดยคิดเป็น 16% ของการลงทุนรวม ส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในฮังการี
ศาสตราจารย์ Ting Chun ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา EU แห่งมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “จีนและอียูมีจุดร่วมจำนวนมาก และมีศักยภาพความร่วมมืออย่างมหาศาลในด้านพลังงานสีเขียว การผลิตอัจฉริยะ และปัญญาประดิษฐ์”
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ณ สิ้นปี 2567 บริษัทในอียูได้ลงทุนในจีนรวมแล้วมากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อาจารย์ Ting กล่าวเพิ่มเติมว่า จีนและยุโรปควรจับมือกันเพื่อปกป้องเสถียรภาพของระบบการค้ามหภาคและห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก แทนที่จะปล่อยให้ข้อพิพาททางการค้าบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
เมื่อเดือนก่อน จีนและ EU ได้เสนอแนวคิดยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยอาจผ่านกลไก “price undertakings” หรือการกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับรถนำเข้า
รายงานยังระบุว่า การลงทุนของจีนในยุโรปอาจเพิ่มขึ้นอีกในปี 2568 หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอียูดีขึ้นจากผลของสงครามการค้าใหม่ที่สหรัฐจุดขึ้น
Simon Lichtenberg ประธานผู้ก่อตั้งหอการค้าประเทศเดนมาร์กในจีน กล่าวกับสื่อ China Daily ว่า ยุโรปตระหนักถึงปัญหาการพึ่งพาสหรัฐมากเกินไปในอดีต และตอนนี้ต้องการสร้างจุดยืนที่มีอิสระมากขึ้น
เขากล่าวว่า ความคิดที่เปลี่ยนไปนี้เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างจีนกับยุโรป ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างต้องปรับตัวท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน
“ความสามารถในการผลิตของจีนโดดเด่นมาก อาจเรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก” เขากล่าว “ถ้าเราไม่ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ก็เท่ากับเสียโอกาสสำคัญในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก”
“ตอนนี้มากกว่าที่เคย เราจำเป็นต้องรักษาการค้าโลก” เขากล่าวเสริม “หากเราทำงานร่วมกัน เราทุกคนจะชนะ”
ด้าน เหยา หลิง ผู้อำนวยการสถาบันยุโรปแห่ง Chinese Academy of International Trade and Economic Cooperation กล่าวว่าจีนและ EU รวมกันมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็นกว่าหนึ่งในสามของ GDP โลก และมีปริมาณการค้ารวมกันมากกว่าหนึ่งในสี่ของการค้าโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบระบบการค้ามหภาค จะสามารถบรรเทาผลกระทบจากนโยบายภาษีที่ไม่แน่นอนและฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ได้
อ้างอิง : enapp.chinadaily.com.cn
ที่มา : การเงินธนาคาร Money and Banking