แนวโน้มราคาทอง
คาดปรับฐานสู่แนวรับ
- ราคาทองปรับตัวลง (-19.97) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.59%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,351 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,402 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,339 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 52,100 บาท
ต่ำสุด – 51,950 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกปรับตัวลง -19.97 ดอลลาร์ เนื่องจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความลงใน Truth Social ระบุว่า การสนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีนเมื่อวานนี้ โดยการสนทนาดังกล่าวเป็นไปด้วยดี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งอาจนำมาซึ่งข้อสรุปที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศและเห็นพ้องต้องกันว่า เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ และจีนจะพบปะกันในเร็ว ๆ นี้ เพื่อดำเนินการเจรจาต่อไป ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลง 55.5% สู่ระดับ 6.16 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.383 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ขณะที่กองทุน SPDR ยังถือครองทองคำเท่าเดิมที่ 935.65 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ มีประกาศการตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง เดือนพ.ค., การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนพ.ค. และอัตราการว่างงาน เดือนพ.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำโลกที่พยายามฟื้นตัวขึ้นมา อาจยังผ่านแนวต้านที่ระดับ 3,380 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ยาก แต่ประเมินว่าอาจลงทดสอบแนวรับที่ 3,330 บาท
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,280 และ 3,245 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,380 และ 3,415 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่เร่งตัวขึ้นมา อาจยังติดแนวต้านที่ 3,380 ดอลลาร์ จึงแนะนำทยอยแบ่งขายทำกำไรจากแนวต้านดังกล่าว โดยใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมที่ 3,280 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 51,000 และ 50,500 บาท
แนวต้าน : 52,200 และ 52,700 บาท
ทองคำในประเทศที่เร่งตัวขึ้นมา อาจเผชิญแรงขายจากแนวต้านที่ระดับ 52,000-52,200 บาท จึงยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมจากระดับ 51,000 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 52,000-52,200 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ 50,500 บาท
