แนวโน้มราคาทอง
ลงทดสอบ $3,300
- ราคาทองโลกยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ เช้านี้ขึ้นแตะ 3,357 ดอลลาร์
- ทองคำแท่งในประเทศสูงสุด 52,550 บาท
Gold spot
สูงสุด – 3,357 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,314 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 52,550 บาท
ต่ำสุด – 52,400 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าหลัง ฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือต่ำกว่า 2% จากความตึงเครียดทางการค้า โดยลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนลงประเทศละ 0.5% ขณะที่ยูโรโซนยังโตต่ำกว่า 1% ด้านประเทศในเอเชียรวมถึงไทยเร่งนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐฯ หวังลดผลกระทบจากภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยไทยเตรียมนำเข้า LNG เพิ่มอีก 1 ล้านตันใน 5 ปี ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์กดดันมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดให้รายงานข้อมูลนักศึกษาต่างชาติ และระงับเงินอุดหนุนหลังเกิดการชุมนุมหนุนปาเลสไตน์ ท่ามกลางบรรยากาศโลกตึงเครียด ตลาดหุ้นเอเชียยังบวกจากความคืบหน้าการค้าสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้เวลา 19.15 น. ธนาคารกลางยุโรปจะมีการเผยผลการประชุม และในช่วง 19.30 น. สหรัฐฯ จะมีการเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีภาคการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟีย
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกที่ย่อตัวลงในภาคเช้า อาจลงทดสอบแนวรับที่ระดับ 3,250-3,300 ดอลลาร์ โดยราคาอาจสามารถฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับดังกล่าวได้อีกครั้ง จึงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อสะสมจากแนวรับสำคัญดังกล่าว
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,250 และ 3,210 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,360 และ 3,400 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่เร่งตัวขึ้นมา ยังคงติดแนวต้านที่ระดับ 3,357 ดอลลาร์ จึงกลับมาแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการรอเข้าซื้อที่ระดับ 3,250 ดอลลาร์ โดยมีเป้าทำกำไรที่ระดับ 3,360 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 3,200 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 51,200 และ 50,800 บาท
แนวต้าน : 52,500 และ 53,000 บาท
ทองคำในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง แม้จะถูกค่าเงินบาทกดดันอยู่ก็ตาม แต่ยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ 51,200 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 52,500 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 50,800 บาทลงไป