แนวโน้มราคาทอง
คาดหลุดแนวรับ $3,200
- ทองคำเคลื่อนตัวกรอบแคบ รอปัจจัยเข้ากระทบ
Gold spot
สูงสุด – 3,256 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,222 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,100 บาท
ต่ำสุด – 50,900 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำโลกมีเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ หลังรับข่าวความตึงเครียดของสงครามการค้า สหรัฐฯ และ จีน ลดความร้อนแรงลง แต่ปัจจัยหนุนราคาทองคำยังมีต่อเนื่อง ทางด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกดดันให้เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลล่าสุดว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. ทางด้านยุโรป ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส สนับสนุนให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากรัสเซียไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครน โดยปธน.มาครงส่งสัญญาณว่าการคว่ำบาตรอาจพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจบริการด้านการเงิน น้ำมัน และก๊าซ ขณะที่สงครามในตะวันออกกลาง อิสราเอลยังคงโจมตีทางอากาศในเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกเช้านี้ยังคงติดแนวต้านที่ระดับ 3,255 ดอลลาร์ ยังคงประเมินว่ามีโอกาสย่อตัวเช่นเดิม หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,200 ดอลลาร์ จะมีแนวรับถัดไปที่ 3,150 ดอลลาร์ตามลำดับ
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,050 และ 2,950 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,255 และ 3,290 ดอลลาร์
ราคาทองโลกยังคงติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,255 ดอลลาร์ จึงประเมินว่าราคาทองโลกยังมีโอกาสย่อตัวสูง โดยยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อสะสมบริเวณ 2,950-3,050 ดอลลาร์เช่นเดิม
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 48,000 และ 47,000 บาท
แนวต้าน 51,200 และ 51,500 บาท
แม้ทองคำในประเทศจะฟื้นตัวขึ้นมา แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านขึ้นบริเวณระดับ 51,200 บาทไปได้ และยังถูกกดดันด้วยค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นร่วมด้วย จึงแนะนำใช้ความระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากแนวโน้มอาจยังเป็นขาลง โดยหากราคาลงทดสอบบริเวณ 47,000-48,000 บาทจริง มองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อสะสมอีกครั้ง