แนวโน้มราคาทอง
ทดสอบแนวต้าน $3,360
- ปธน. ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีตอบโต้ญี่ปุ่นเพิ่ม
- เฟดเผยแบงก์ใหญ่สหรัฐฯ ผ่านทดสอบ Stress Test
Gold spot
สูงสุด – 3,344 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,327 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,350 บาท
ต่ำสุด – 51,150 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้น จากการที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอแนวคิดที่จะปรับเพิ่มภาษีตอบโต้(Reciprocal Tariffs) จากสินค้านำเข้าญี่ปุ่นเพิ่มเติม โดยมองตัวเลขสูงถึง 30%-35% จากเดิมที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอัตราภาษีรวมอยู่ที่ 24% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคงตอกย้ำข้อร้องเรียนเช่นเดิมว่า ญี่ปุ่นต้องนำเข้ารถยนต์และข้าวจากสหรัฐฯ มากกว่าเดิม ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น ทั้งนี้ คำสั่งพักเก็บภาษี 90 วัน ของปธน. ทรัมป์กำลังจะถึงเส้นตายในวันที่ 9 ก.ค. สำหรับการเปิดทางในการเจรจากับคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ ทั้ง 22 แห่ง ได้ประกาศแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 3/2568 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) เป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากธนาคารเหล่านี้สามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นได้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ เวลา 19.15 น. สหรัฐฯ มีการเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรจาก ADP เดือนมิ.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
ช่วงบ่ายราคาทองโลกสามารถฟื้นตัวยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 3,327 ดอลลาร์ จึงประเมินว่าทองโลกกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ระดับ 3,360 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,327 และ 3,312 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,360 และ 3,380 ดอลลาร์
ราคาทองโลกในภาพใหญ่เริ่มกลับตัวเป็น
ขาขึ้น แนะนำใช้กลยุทธ์รอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,327 ดอลลาร์และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,360 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,312 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุน
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 50,900 และ 50,600 บาท
แนวต้าน 51,500 และ 51,800 บาท
ราคาทองในประเทศยังคง Sideway จากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า ขณะที่ทองโลกกลับตัวเป็นขาขึ้น แนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับทยอยเข้าสะสมที่ระดับ 50,900 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 50,600 บาทลงไป