เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงจาก สหรัฐ-จีน เริ่มหารือรอบใหม่ที่ลอนดอน โดยเน้นปลดล็อกแร่หายากและคลี่คลายข้อจำกัดเทคโนโลยี ทว่าการเจรจาวันแรกยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นสำคัญ และมีแผนนัดหารือเพิ่มเติมในวันอังคาร (10 มิ.ย.68)
วันที่ 10 มิุนายน 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีกำหนดจะดำเนินต่อในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ที่กรุงลอนดอน ขณะที่สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกพยายามหาข้อยุติ หลังจากผู้นำของทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์
เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบกับคณะเจรจาการค้าของจีนเมื่อวันจันทร์ โดยมีรัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค และผู้แทนการค้า เจมิสัน เกรียร์ เป็นตัวแทนของฝ่ายสหรัฐ
Wall Street Journal รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทรัมป์ได้อนุมัติให้คณะเจรจาของเบสเซนต์สามารถยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น ซอฟต์แวร์ผลิตชิป อะไหล่เครื่องยนต์เจ็ต และเอทเทน (ethane)
ทรัมป์กล่าวกับสื่อว่า “การเจรจาเป็นไปด้วยดี และได้รับแต่รายงานในทางบวกเท่านั้น” ตามรายงานของ Reuters
กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า รองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง หัวหน้าคณะเจรจาของจีน จะอยู่ในสหราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 8–13 มิถุนายน โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ หวัง เหวินเทา และผู้แทนการค้าระหว่างประเทศ หลี่ เฉิงกัง ก็เข้าร่วมการหารือเมื่อวันจันทร์ด้วย
เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า สหรัฐต้องการความชัดเจนจากจีนว่าจะกลับมาส่งออกแร่หายากอีกครั้ง
“เป้าหมายของการประชุมวันนี้ คือเพื่อให้แน่ใจว่าจีนจริงจัง และเพื่อให้ได้ ‘การจับมือ’ จริง ๆ … เพื่อให้เรื่องนี้จบลงเสียที” แฮสเซ็ตต์กล่าว พร้อมเสริมว่า “คาดว่าจะเป็นการประชุมสั้น ๆ ที่จบลงด้วยการจับมืออย่างแข็งขัน” และ “ทันทีหลังจากนั้น ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐจะถูกผ่อนคลาย และจีนจะส่งแร่หายากออกมาในปริมาณมาก แล้วจึงค่อยไปเจรจารายประเด็นอื่นต่อ”
แหล่งข่าวของ CNBC ระบุว่า การเจรจาจะดำเนินต่อในเช้าวันอังคาร
ทั้งนี้การหารือครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทั้งสองฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยงสงครามการค้าเต็มรูปแบบ ความพยายามทางการทูตได้เร่งตัวขึ้นหลังจากช่วงหลายสัปดาห์ของความตึงเครียดทางการค้า ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ ในเดือนเมษายน จีนจึงตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันที่กรุงเจนีวาในเดือนพฤษภาคมให้ลดภาษีลงชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจา โดยฝั่งสหรัฐลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 145% เหลือ 30% ขณะที่จีนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจาก 125% เหลือ 10%
อย่างไรก็ตามความขัดแย้งยังไม่จบลง ทั้งสองฝ่ายกล่าวหากันและกันว่าละเมิดข้อตกลงที่เจนีวา สหรัฐกล่าวว่าจีนล่าช้าในการอนุมัติการส่งออกแร่หายาก ขณะที่จีนวิจารณ์ว่าสหรัฐยังคงจำกัดวีซ่านักเรียนจีน และออกข้อจำกัดเพิ่มเติมต่อการส่งออกเทคโนโลยีชิป
โฆษกทำเนียบขาว คาโรไลน์ เลวิตต์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การเจรจาในลอนดอนจะเน้นเดินหน้าตามข้อตกลงเจนีวา โดยเน้นผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ร่วมกันในตลาดของทั้งสองประเทศ
นักวิเคราะห์คาดว่า การเจรจาเมื่อวันจันทร์อาจยังไม่สามารถหาทางออกที่ชัดเจน โดยเฉพาะภาษีรายอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น เทคโนโลยี แร่หายาก การผลิต และเกษตรกรรม
รีเบคกา ฮาร์ดิง ซีอีโอของศูนย์ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ กล่าวกับ CNBC ว่า “ตอนนี้จีนและสหรัฐติดอยู่ใน ‘สงครามตัวตน’ อย่างชัดเจน”
“นี่ไม่ใช่แค่การค้า แต่มันคือเรื่องของข้อมูล เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และการป้องกันประเทศ จีนกำลังเร่งผลิตยุทโธปกรณ์อย่างมาก เพราะฉะนั้นนี่คือการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดว่าอำนาจของรัฐชาติจะอยู่ตรงไหน” เธอกล่าวในรายการ Squawk Box Europe
“นี่เพิ่งเริ่มต้น และจริง ๆ แล้วคือศึกของศตวรรษที่ 21”
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ จื้อเว่ย จาง ประธานบริษัท Pinpoint Asset Management มองว่า แค่ได้มีการพูดคุยก็ถือว่าน่ายินดีแล้ว แต่ยังไม่คาดหวังมากนัก
“ผมไม่คาดหวังอะไรมากจากการเจรจาครั้งนี้… ผมไม่คิดว่าจะมีข้อตกลงใหญ่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้” เขากล่าวในรายการ China Connection ของ CNBC พร้อมเสริมว่า “อาจมีความคืบหน้าระยะสั้นในบางประเด็น เช่น แร่หายาก ซึ่งจีนเพิ่งประกาศว่าจะให้ใบอนุญาตนำเข้าบางส่วนกับบริษัทต่างชาติ แต่คงยังไม่เห็นการแก้ปัญหาทั้งหมดจากเวทีเจรจาในสหราชอาณาจักรครั้งนี้”
อ้างอิง : cnbc.com
ที่มา : การเงินธนาคาร Money and Banking