ทรัมป์ ลงนามเพิ่ม ภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม จาก 25% เป็น 50% มีผลตั้งแต่ 11.01 น. วันนี้ (ตามเวลาไทย) กดดันทุกประเทศยื่นข้อเสนอเลี่ยงภาษีรอบใหม่ในเดือนกรกฎาคม 68
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 08.45 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐเตรียมเพิ่ม ภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม เป็น 50% เริ่มมีผลวันนี้ ขณะที่ทรัมป์เดินหน้าเพิ่มแรงกดดันพันธมิตรการค้า
โดยอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในวันพุธนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกระดับสงครามการค้าในระดับโลก โดยในวันเดียวกันนี้เขาคาดว่าประเทศคู่ค้าจะต้องยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าใหม่ที่อาจมีผลในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศคำสั่งฝ่ายบริหาร (executive proclamation) เมื่อคืนวันอังคาร ซึ่งทำให้คำประกาศล่าสุดของเขาเมื่อสัปดาห์ก่อนมีผลบังคับใช้ โดยจะเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจาก 25% เป็น 50% เริ่มตั้งแต่เวลา 11.01 น. (ตามเวลาไทย) ของวันพุธ
เควิน ฮัสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว กล่าวในที่ประชุมอุตสาหกรรมเหล็กที่กรุงวอชิงตันว่า “เราเริ่มที่ 25% และเมื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม เราพบว่ามาตรการนี้ช่วยได้ แต่ยังไม่พอ จึงต้องเพิ่มเป็น 50%”
ทั้งนี้มาตรการขึ้นภาษีนี้มีผลกับทุกประเทศคู่ค้า ยกเว้นสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่สามารถตกลงการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐได้ในช่วงพักเบรก 90 วันของภาษีรอบใหม่ ทำให้ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากสหราชอาณาจักรจะยังคงอยู่ที่ 25% จนถึงอย่างน้อยวันที่ 9 กรกฎาคม แม้ว่าอังกฤษจะไม่ใช่หนึ่งในผู้ส่งออกเหล็กหรืออะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดมายังสหรัฐ
ขณะที่ประมาณ 1 ใน 4 ของเหล็กที่ใช้ในสหรัฐเป็นสินค้านำเข้า โดยข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐระบุว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้จะกระทบแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดในสินค้านี้
แคนาดายังได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีอะลูมิเนียม โดยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 มายังสหรัฐ โดยมีปริมาณมากกว่าผู้ส่งออกอันดับอื่นรวมกันเกือบสองเท่า สหรัฐฯ นำเข้าอะลูมิเนียมประมาณครึ่งหนึ่งจากต่างประเทศ
มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดา แถลงว่ายังคงอยู่ระหว่างการเจรจาอย่างเข้มข้นเพื่อยกเลิกภาษีนี้และภาษีอื่น ๆ
ขณะที่ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเม็กซิโก มาร์เซโล เอ็บบราด ระบุว่า ภาษีเหล่านี้ไม่ยั่งยืนและไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะเมื่อเม็กซิโกนำเข้าเหล็กจากสหรัฐมากกว่าที่ส่งออกไป
“มันไม่มีเหตุผลเลยที่สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้าที่คุณส่งออกเกินดุล” เอ็บบราดกล่าว พร้อมเสริมว่าเม็กซิโกจะยื่นขอยกเว้นภาษีนี้ภายในวันศุกร์
การขึ้นภาษีแบบไม่คาดคิดนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดโลหะ โดยเฉพาะตลาดอะลูมิเนียมที่ราคาพุ่งขึ้นมากกว่าสองเท่าในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯ ยังไม่มีศักยภาพในการเพิ่มการผลิตภายในประเทศอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดว่าปริมาณการนำเข้าน่าจะยังคงเดิม ยกเว้นแต่ว่าราคาเพิ่มขึ้นจนกระทบความต้องการ
ทั้งนี้วันพุธนี้ยังเป็นวันที่ทำเนียบขาวกำหนดให้ประเทศคู่ค้าต้อง ยื่นข้อเสนอ “Best Offer” เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีรุนแรงที่ทรัมป์เรียกว่า “Liberation Day Tariffs” ซึ่งจะมีผลในอีกห้าสัปดาห์ข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ได้เจรจากับหลายประเทศตั้งแต่ที่ทรัมป์ประกาศพักการจัดเก็บภาษีในวันที่ 9 เมษายน แต่จนถึงขณะนี้มีเพียง ข้อตกลงกับสหราชอาณาจักร เท่านั้นที่มีความคืบหน้า แม้กระนั้นก็ยังเป็นเพียงกรอบเบื้องต้นสำหรับการเจรจาต่อ
โดยเมื่อวันจันทร์ สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ส่งหนังสือถึงหลายประเทศ ขอให้ยื่นข้อเสนอในด้านต่าง ๆ เช่น
ข้อเสนอด้านภาษีและโควตานำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรจากสหรัฐฯ
แผนการยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (non-tariff barriers)
จดหมายยังระบุด้วยว่า ประเทศที่ยื่นข้อเสนอจะได้รับคำตอบภายในไม่กี่วัน พร้อมระบุ “พื้นที่ลงจอด” (landing zone) คืออัตราภาษีที่ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเจอหลังหมดช่วงพักเบรกวันที่ 8 กรกฎาคม
ปัญหาสำคัญคือหลายประเทศไม่รู้ว่าจะได้คงอัตราภาษีเดิมที่ 10% สำหรับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ หรือจะเจอกับอัตราภาษีที่สูงกว่านั้นมาก
โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ยืนยันรายงานดังกล่าวเมื่อวันอังคาร โดยกล่าวว่า “USTR ได้ส่งจดหมายเตือนไปยังคู่ค้าทุกรายเพื่อย้ำว่าเส้นตายกำลังจะมาถึง”
ข้อเสนอที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการยังรวมถึงข้อผูกพันด้าน การค้าดิจิทัล, ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ, และ ข้อตกลงเฉพาะรายประเทศ
อ้างอิง : reuters.com
ที่มา : การเงินธนาคาร Money and Banking