ทรัมป์ไม่ถอย! เดินหน้าขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50%
Gold Bullish
- ทรัมป์มีแผนขึ้นนำเข้าภาษีเหล็ก –อะลูมิเนียม จาก 25% เป็น 50%
- ไพ่ตายมาตรการสำรองทางกฎหมายซึ่งทรัมป์อาจนำมาใช้
Gold Bearish
- ความไม่แน่นอนในการผ่านนโยบายภาษีของทรัมป์
- OPEC+ เดินหน้าเพิ่มการผลิต หวังคุมสมดุลตลาดน้ำมัน
ทรัมป์ไม่ถอย! เดินหน้าขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 50%
สัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ (U.S. Court of International Trade: CIT) ได้มีคำสั่งชะลอมาตรการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยชี้ว่าประธานาธิบดีอาจใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งถือเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของทรัมป์ คำตัดสินระบุว่า กฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 มาตรา 232 ที่ถูกใช้เป็นฐานในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีดำเนินการอย่างกว้างขวางหรือไม่จำกัดประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้ ชะลอการระงับคำตัดสินของศาลการค้า ซึ่งส่งผลให้มาตรการภาษีนำเข้าของทรัมป์กลับมาใช้ได้ชั่วคราวอีกครั้งในระหว่างรอการพิจารณาขั้นต่อไป
แม้คำตัดสินศาลจะเป็นอุปสรรคหนึ่ง แต่ทรัมป์กลับใช้โอกาสนี้เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการใช้มาตรการภาษี โดยประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลก จากเดิม 25% เป็น 50% พร้อมกล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงทางการค้าที่เคยเจรจากันไว้ ณ นครเจนีวา
ข้อตกลงดังกล่าวเคยถูกเสนอให้จีนผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการส่งออกแร่หายาก และลดภาษีศุลกากรร่วมกัน ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็น “ข้อตกลงฉุกเฉิน” ที่เขาเองผลักดันเพื่อช่วยจีนหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันจีนกลับละเมิดเงื่อนไขดังกล่าวอย่างชัดเจน
ไพ่ตายมาตรการสำรองทางกฎหมายซึ่งทรัมป์อาจนำมาใช้
แม้จะมีข้อจำกัดจากศาล ทรัมป์ยังถือไพ่สำคัญอีก 4 ใบ ที่สามารถใช้เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินมาตรการภาษี
- มาตรา 122 ของ Trade Act ปี 1974 อนุญาตให้ประธานาธิบดีเก็บภาษีนำเข้าได้สูงสุด 15% โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการสอบสวนหรือการอนุมัติล่วงหน้า แต่จำกัดระยะเวลาใช้งานไม่เกิน 150 วัน ก่อนที่สภาคองเกรสจะต้องลงมติ
- มาตรา 301 ของ Trade Act ปี 1974 ใช้เพื่อสอบสวนและตอบโต้ประเทศที่มีพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรม เคยถูกใช้ตอบโต้จีนในสงครามการค้ารอบแรกช่วงปี 2018-2019
- มาตรา 232 ของ Trade Expansion Act ปี 1962 ให้อำนาจเก็บภาษีสินค้านำเข้าในกรณีที่กระทบต่อ “ความมั่นคงแห่งชาติ” โดยเคยใช้กับเหล็กและอะลูมิเนียมในยุคแรกของทรัมป์
- มาตรา 338 ของ Tariff Act ปี 1930 อนุญาตให้สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสูงสุด 50% จากประเทศที่ “เลือกปฏิบัติ” ทางการค้า แม้ไม่เคยถูกใช้งานจริงในประวัติศาสตร์ แต่ถือเป็นเครื่องมือเชิงสัญลักษณ์ที่น่าจับตา
OPEC+ เดินหน้าเพิ่มการผลิต หวังคุมสมดุลตลาดน้ำมัน
อีกด้านหนึ่ง ในตลาดพลังงาน กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน OPEC+ ยืนยันเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนกรกฎาคมอีก 411,000 บาร์เรลต่อวัน ตามแผนเดิมที่ดำเนินติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เป้าหมายเพื่อรักษาสมดุลตลาดโลก ทวงคืนส่วนแบ่งตลาด และกดดันประเทศสมาชิกบางรายที่ผลิตน้ำมันเกินโควตา นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาดได้ “สะท้อน” การคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หาก OPEC+ เพิ่มการผลิตเกินกว่าที่วางแผน อาจกดดันให้ราคาน้ำมันดิบโลกเผชิญแรงขายระยะสั้นมากขึ้น
การเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย
วันที่ 2 มิถุนายน 2025 ยูเครนได้เสนอแผนสันติภาพในการเจรจาที่อิสตันบูล ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงเต็มรูปแบบเป็นเวลา 30 วัน การแลกเปลี่ยนเชลยศึก และการส่งคืนเด็กยูเครนที่ถูกพาไปยังพื้นที่ควบคุมของรัสเซีย แผนดังกล่าวยังเสนอให้มีการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศ และการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ และประเทศในยุโรปในการรับรองข้อตกลงสันติภาพ
แนวโน้มราคาทองในสัปดาห์
ต้นสัปดาห์นี้ราคาทองเร่งตัวขึ้นมาแรง แต่ยังคงต้องเผชิญกับแรงขายเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,320 ดอลลาร์ (เทียบเท่าราคาทองแท่งในประเทศที่ 51,500 บาท) จึงประเมินว่าในสัปดาห์นี้ราคาอาจยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Down โดยอาจลงทดสอบแนวรับที่ 3,275 และ 3,245 ดอลลาร์ (เทียบเท่าราคาทองแท่งในประเทศที่ 50,800 และ 50,350 บาทตามลำดับ) และยังคงแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการทยอยสะสมเช่นเดิม