แนวโน้มราคาทอง
คาดทะลุต้าน $3,435
- ราคาทองปรับตัวขึ้น+31.12 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.92%
- ปิดตลาดที่ระดับ 3,386 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 3,398 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,339 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,800 บาท
ต่ำสุด – 51,550 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น 31.12 ดอลลาร์ จากการที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า อิสราเอลได้เริ่มเปิดฉากโจมตีอิหร่านแล้วในขณะนี้ โดยสหรัฐฯ ไม่ได้ให้การช่วยเหลือและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการครั้งนี้ ทางด้าน อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลได้ประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษ” หลังจากเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ในขณะที่ฝั่งเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดน้อยลง ส่งผลให้ให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 60% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ขณะที่กองทุน SPDR ซื้อทอง 3.72 ตัน รวมสุทธิ 937.91 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ มีการประกาศตัวเลข ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย ม.มิชิแกน (มิ.ย.)
วิเคราะห์ราคาทอง
หลังราคาทองโลกสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,400 ดอลลาร์ จึงประเมินว่าราคาอาจกลับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง แม้ช่วงเช้าอาจยังเจอแรงขายจากแนวต้านที่ 3,435 ดอลลาร์ แต่คาดว่าจะสามารถทะลุขึ้นไปได้
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,385 และ 3,355 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,435 และ 3,470 ดอลลาร์
ราคาทองโลกเริ่มฟื้นตัว หลังปัจจัยเข้ากระทบอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงอาจกลับมาไล่ซื้อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,435-3,470 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับแรกที่ 3,385 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 51,800 และ 51,400 บาท
แนวต้าน : 52,500 และ 53,000 บาท
ทองคำในประเทศมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นต่อ สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง ยังคงแนะนำเสี่ยงไล่ซื้อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 52,500-53,000 บาท และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับแรกที่ 51,800 บาทลงไป