ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนเปิดเผยในวันที่ 29 พ.ย. ว่า รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 เดือนทั่วยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน
เซเลนสกีเปิดเผยว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธราว 36 ลูก และโดรนเกือบ 600 ลำใส่ยูเครนตั้งแต่คืนวานนี้จนถึงเช้าวันนี้ ทำให้หลายพื้นที่ของกรุงเคียฟไม่มีไฟฟ้าใช้
เป้าหมายหลักของการโจมตีคือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและสถานที่สาธารณะ พร้อมเกิดความเสียหายและไฟไหม้ในอาคารที่อยู่อาศัย โดยมีรายงานผู้บาดเจ็บหลายสิบคนและผู้เสียชีวิต 3 คน
อันดรี ซีบิฮา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนระบุทาง Telegram ว่า การโจมตีครั้งนี้ส่งผลกระทบทั้งบ้านเรือนประชาชน โครงข่ายพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เรียกว่าเป็นค่ำคืนที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและตำรวจระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนในกรุงเคียฟ รวมถึงชายวัย 42 ปี และมีผู้บาดเจ็บ 15 คน รวมถึงเด็กด้วย ส่วนผู้เสียชีวิตคนที่สามยังไม่ทราบตำแหน่งแน่ชัด
CNN รายงานว่า กรุงเคียฟถูกเตือนภัยทางอากาศนานกว่า 10 ชั่วโมงตั้งแต่คืนวันศุกร์ถึงเช้าวันนี้ โดยมีเสียงโดรนและระเบิดดังได้ยินทั่วเมือง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่า โดรนทางทะเลของยูเครนเข้าโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำที่อยู่ในกลุ่มกองเรือเงา (shadow fleet) ของรัสเซียที่หลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร รวมถึงการห้ามทำธุรกรรมเกี่ยวกับน้ำมันของรัสเซีย ขณะกำลังเดินทางกลับสู่ท่าเรือรัสเซีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการยกระดับการดำเนินการของยูเครน ในความพยายามที่จะทำลายรายได้จากน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำสงครามในยูเครน
วิดีโอที่เผยแพร่ออกมาเผยให้เห็นโดรนผิวน้ำที่เร่งความเร็วฝ่าคลื่นพุ่งชนกับเรือ ก่อนจะเกิดการระเบิดเป็นลูกไฟและมีควันดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
ทางการตุรกีระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันทั้งสองลำคือไครอส (Kairos) และวิรัต (Virat) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศแกมเบีย โดยเรือทั้งสองลำถูกโจมตีนอกชายฝั่งตุรกีเมื่อวันศุกร์ (28 พ.ย.) และมีรายงานว่าเรือวิรัตถูกโจมตีซ้ำอีกครั้งในวันเสาร์ (29 พ.ย.) อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์








