แรงซื้อทองคำล้นโลก! All-time High 3,600 ดอลลาร์
ธนาคารยักษ์ใหญ่คาดทอง แตะ 4,000–5,000 ดอลลาร์ได้ในปี 2026
Gold Bullish
- ธนาคารกลางและกองทุนเข้าซื้อทองคำ
- การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์
- ทรัมป์แทรกแซงความอิสระเฟด
Gold Bearish
- ทรัมป์ลดความร้อนแรงนโยบายภาษีตอบโต้
สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น +139.2 ดอลลาร์ หรือราว +4.04% ปิดตลาด 3,586 ดอลลาร์ ทำ All-time High 3,600 ดอลลาร์ ขานรับข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 75,000 ตำแหน่ง บรรดานักลงทุนในตลาดกำลังประเมินว่า มีโอกาส 11% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมเดือนนี้ และมีโอกาสถึง 89% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งทะลุระดับฐาน (Baseline) ที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายในช่วงกลางปี 2026 และอาจพุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์ หากนักลงทุนย้ายเงินออกจากพันธบัตร หันมาถือครองทองคำมากขึ้นเพื่อกระจายการลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน
ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 ที่ธนาคารกลางต่างชาติถือครองทองคำมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สะท้อนกระแส “ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์” (De-Dollarization) ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ Tavi Costa นักกลยุทธ์มหภาคจาก Crescat Capital ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “การปรับสมดุลทางการเงินระดับโลกครั้งสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน” ราคาทองคำโลกพุ่งแตะ 3,540 ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 10,000% หลังจากที่ระบบ Bretton Woods ล่มสลายเมื่อ 54 ปีก่อน ขณะที่การถือครองทองคำในฐานะทุนสำรองโดยรวมของธนาคารกลางทั่วโลก พุ่งสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถูกใช้เป็นทุนสำรอง ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996
การถือครองเงินดอลลาร์กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง (De-Dollarization) สัดส่วนเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศสิ้นปี 2024 อยู่ที่ 57.8% ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1994 และลดลงกว่า 7% ภายในทศวรรษเดียว โดยเมื่อปี 2002 เงินดอลลาร์ยังครองสัดส่วนสูงถึง 72% ซึ่งมีเหตุผลมาจากภาวะการคลังของสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่า “ไร้วินัย” เมื่อต้นเดือนส.ค. ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์ และยังไม่มีสัญญาณว่าการกู้ยืมและการใช้จ่ายของรัฐบาลจะชะลอลง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยปี 2022 มีการเพิ่มทองคำสำรองสุทธิที่ 1,080 ตัน ขณะที่ปี 2023 และ 2024 ยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางมากกว่า 1,000 ตันต่อปี
ขณะที่นายอดัม ลาปินสกี ผู้ว่าการธนาคารกลางโปแลนด์ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางมีเป้าหมายยกระดับสัดส่วนการถือครองทองคำเป็น 30% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ จากระดับปัจจุบันที่ 22% (515.5 ตัน) ทั้งนี้ ตามข้อมูล ณ เดือนส.ค. โปแลนด์อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกด้านปริมาณทองคำสำรอง ซึ่งสะท้อนทิศทางการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงินระหว่างประเทศ
ทรัมป์ไฟเขียว ยกเว้นภาษีนำเข้าบางรายการ เริ่มบังคับใช้ 8 ก.ย. หวังปรับสมดุลการค้าโลก
ทรัมป์ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับประเทศที่ทำข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน ครอบคลุมสินค้าสำคัญกว่า 45 ประเภท ตั้งแต่นิกเกิล กราไฟต์ ทองคำ ไปจนถึงสารประกอบทางเภสัชและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 00.01 น. วันจันทร์ที่ 8 ก.ย. 2568 สินค้าหลักที่ได้รับการยกเว้นภาษีศูนย์ ได้แก่ กราไฟต์และนิกเกิลหลายรูปแบบที่ใช้ในการผลิตสแตนเลสและแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า สารประกอบที่ใช้ผลิตยาสามัญ เช่น ยาชา lidocaine และสารเคมีสำหรับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ รวมถึงทองคำหลายประเภท ตั้งแต่ผง แผ่นทอง ไปจนถึงทองคำแท่ง ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าหลักจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ปัจจุบันยังเผชิญอัตราภาษีสูงถึง 39% เนื่องจากยังไม่มีข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ยังครอบคลุมกราไฟต์ธรรมชาติ แม่เหล็กนีโอไดเมียม และหลอดไฟ LED ในขณะเดียวกัน คำสั่งดังกล่าวยังยกเลิกการยกเว้นภาษีเดิมบางรายการ เช่น พลาสติกบางประเภทและโพลีซิลิคอน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ สะท้อนให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญใหม่ของสหรัฐฯ ในการใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการค้า
PBOC จีนเตรียมเป็นผู้ถือทองคำสำรองอันดับ 2 ของโลก นักวิเคราะห์คาดเป้า 5,000 ตัน
เดวิด วิลสัน นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas มองว่าจีนกำลังทุ่มซื้อทองคำเพื่อสะสมเข้าคลังสำรองให้ได้ถึง 5,000 ตัน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก หากติดตามการเข้าซื้อทองคำสำรองของจีนตั้งแต่ปี 2566 จะพบว่าการเข้าซื้อสอดคล้องกับแนวโน้มราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,508.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 2 ส.ค. กที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ได้วิเคราะห์แนวโน้มการซื้อทองคำสำรองของจีนในอนาคต โดยอ้างอิงจากการประมาณการของนักวิเคราะห์ ในปี 2552 โฮ่ว ฮุ่ยหมิน รองเลขาธิการสมาคมทองคำแห่งประเทศจีนในขณะนั้น เคยเสนอเป้าหมายปริมาณทองคำสำรองของประเทศไว้ที่ 5,000 ตัน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อตอบสนองต่อสถานะของจีนในเวทีระหว่างประเทศที่สูงขึ้นและวิกฤตการณ์การเงินโลกปี 2551 เดวิด วิลสัน นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas ระบุว่า หากจีนตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ตันในปี 2552 ตัวเลขนี้อาจสูงขึ้นมากในปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าความต้องการทองคำจากธนาคารกลางจีน (PBOC) จะยังคงต่อเนื่อง หากจีนยังดำเนินนโยบายกระจายความเสี่ยงและลดการถือครองดอลลาร์ในเงินสำรองของตน
หากทองคำสำรองของจีนเพิ่มขึ้นถึง 5,000 ตันหรือมากกว่า PBOC จะกลายเป็นผู้ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากสหรัฐที่ถือครอง 8,133.5 ตัน และมากกว่าฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายจีนระบุว่าปริมาณทองคำสำรองของจีนยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ โดยแนะนำว่าควรมีอย่างน้อย 5,000 ตัน เพื่อสะท้อนสถานะทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง หากพิจารณาจากขนาด GDP ของจีนซึ่งคิดเป็น 64% ของสหรัฐ และใช้สัดส่วนทองคำสำรองของสหรัฐที่ 8,133.5 ตัน ปริมาณทองคำสำรองของจีนควรอยู่ที่ประมาณ 5,205 ตัน ซึ่งมากกว่าปัจจุบันถึงสองเท่า โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า PBOC มีทองคำสำรองอยู่ 2,300.4 ตัน มูลค่า 244,000 ล้านดอลลาร์
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์
10 กันยายน
เวลา 19.30 น. – สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตทั่วไป (PPI) เดือนส.ค. ตลาดคาดการณ์ขยายตัวที่ 0.3% ลดลงจากครั้งก่อนที่ 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิตขั้นพื้นฐาน (Core PPI) เดือนส.ค. ตลาดคดาดการณ์ขยายตัวสู่ระดับ 0.3% ลดลงจากครั้งก่อนที่ 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน
11 กันยายน
เวลา 19.30 น. – สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนส.ค. ตลาดคาดการณ์ขยายตัวสู่ระดับ 2.9% จากเดิม 2.7% เมื่อเทียบรายปี เช่นเดียวกับเมื่อเทียบรายเดือน ตลาดคาดการณ์ขยายตัวสู่ระดับ 0.3% จากเดิม 0.2% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เมื่อเทียบรายเดือน ขยายตัว 0.3% ทรงตัวจากครั้งก่อน
แนวโน้มราคาทอง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวในสัปดาห์ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ และมีโอกาสทะลุแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ สร้าง All-time High ได้ต่อเนื่อง ระยะสั้นแนะนำหาจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลง คาดมีแนวรับที่ 3,550 ดอลลาร์ และถัดไปที่ 3,500 – 3,510 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านจิตวิทยาที่ 3,600 ดอลลาร์ และหากสามารถทะลุขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 3,645 ดอลลาร์
นักลงทุนทองคำแท่งแนะนำทยอยเปิดสถานะซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลงที่ระดับ 53,700 – 53,750 บาท และขายทำกำไรที่ 54,400 บาท และจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 54,800 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568











