แนวโน้มราคาทอง
ขาขึ้น
- ทองคำพุ่ง หลังสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีทองคำสวิสฯ 39% ขณะที่ดอลลาร์แข็ง เยนอ่อน
Gold spot
สูงสุด – 3,408 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,381 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 52,000 บาท
ต่ำสุด – 51,850 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ทองคำโลกได้กลับตัวเป็นขาขึ้น จากการที่ ปธน. ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าทองคำแท่ง ขนาด 1 กิโลกรัมหรือ 65.6 บาททองคำ ต่อประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในอัตราที่ 39% ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกทองคำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีลูกค้ารายใหญ่คือสหรัฐฯ ทั้งนี้ ผู้บริหารโรงหล่อทองคำรายใหญ่ 2 แห่งในเอเชีย ซึ่งไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยว่า ตนได้ชะลอการส่งทองคำไปสหรัฐฯ จนกว่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้เกี่ยวกับภาษีดังกล่าว จากปัจจัยข้างต้น จึงส่งผลให้ราคาทองโลกชนิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (COMEX) ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดถึง 3,500 ดอลลาร์ และทำให้ราคาทองโลกชนิด Spot มีการปรับตัวขึ้นในช่วงบ่าย โดยทำจุดสูงสุดถึง 3,400 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้กลับมาแข็งค่าทดสอบแนวต้านที่ 98.3 หน่วยแต่ทางฝั่งเงินเยนอ่อนค่า สืบเนื่องมาจาก บริษัท โตเกียว โชโก รีเสิร์ช เผยว่า จำนวนบริษัทล้มละลายในญี่ปุ่นพุ่งสู่ระดับ 961 แห่งในเดือนก.ค. ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยบริษัทจำนวนมากได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางด้านพลังงานและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทในญี่ปุ่นประสบภาวะขาดทุน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ
วิเคราะห์ราคาทอง
ช่วงบ่าย ราคาทองโลกไต่ระดับขึ้นยืนเหนือแนวรับที่ 3,385 ดอลลาร์ จึงประเมินว่า หากทองโลกสามารถทะลุแนวต้านแรกที่ 3,409 ดอลลาร์ มีโอกาสที่ทองโลกจะเข้าสู่ระยะขาขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 3,420 ดอลลาร์ แต่หากคืนนี้ทะลุแนวต้านแรกไม่สำเร็จ อาจปรับฐานระยะสั้นลงทดสอบแนวรับที่ 3,385 ดอลลาร์อีกครั้ง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,396 และ 3,385 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,409 และ 3,420 ดอลลาร์
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำใช้
กลยุทธ์ไล่ซื้อหากทองโลกทะลุแนวต้านแรกที่ 3,409 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านสองที่ 3,420 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับแรกที่ 3,396 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุนไปก่อนเพื่อรอซื้อสะสมแนวรับสองที่ 3,385 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 51,800 และ 51,600 บาท
แนวต้าน 52,350 และ 52,550 บาท
ราคาทองในประเทศอยู่ในระยะ Sideway Upจากการที่ทองโลกเป็นขาขึ้น ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง จึงแนะนำเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 51,800 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 52,350 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 51,600 บาท
ลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน
