ข่าวสารการลงทุน

วิกฤตเงินเฟ้อโลก!ฮั่วเซ่งเฮงแนะกลยุทธ์ลงทุนทองคำ ก่อนภาษีทรัมป์มีผล 7 ส.ค.นี้

06 สิงหาคม 2568|14:21 น.

HSH Global Inflation Crisis facebook

จับตาทรัมป์ลุยขึ้นภาษีนำเข้า 7 ส.ค.นี้ ดันเงินเฟ้อพุ่ง หนุนราคาทองระยะยาว ‘ฮั่วเซ่งเฮง’ ระบุสงครามการค้ายังไม่จบลงโดยง่าย ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ – จีน ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แนะสะสมทองคำเพื่อบริหารความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงขึ้นในอนาคต

เมื่อเร็วๆ นี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากคู่ค้าทั่วโลกถึง 69 ประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ส.ค. 2568 นี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการกีดกันทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

มาตรการภาษีนำเข้าครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐฯ เช่น แคนาดา (ภาษี 35%) สวิตเซอร์แลนด์ (ภาษี 39%) และไต้หวัน (ภาษี 20%) นอกจากนี้ยังรวมถึงกลุ่มประเทศ BRICS ที่แสดงท่าทีต่อต้านนโยบายของทรัมป์ เช่น บราซิล (ภาษี 50%) แอฟริกาใต้ (ภาษี 30%) และอินเดีย (ภาษี 25%) อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงยกเว้นภาษีสินค้าสำคัญบางประเภทจากบราซิล

สำหรับประเทศพันธมิตรที่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับทรัมป์ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 15% เท่ากัน ขณะที่เม็กซิโกได้รับการผ่อนผันออกไปอีก 90 วันเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อไป

สงครามการค้าไม่จบ ดันราคาทองคำพุ่งต่อระยะยาว

ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่าสถานการณ์ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยได้แรงหนุนจากสองปัจจัยคือ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น และความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าที่ยังไม่จบลงโดยง่าย

โดยปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อ ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ว่า การเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าในสหรัฐฯ แพงขึ้น ส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้นตามไปด้วย สอดคล้องกับรายงานของ Fitch Ratings ที่คาดการณ์ว่าอัตราภาษีนำเข้าที่แท้จริง (Effective Tariff Rate) ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 2.3% ในปี 2567 ไปสู่ระดับ 17% ในปี 2568 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อนี้จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

นอกจากนี้ จุดที่น่าจับตามองอย่างยิ่งคือ ท่าทีของทรัมป์ที่มีต่อจีน โดยเฉพาะการตัดสินใจว่าจะขยายเวลาออกไปเพื่อชะลอภาษีศุลกากรตอบโต้อีกหรือไม่ ก่อนครบกำหนดในวันที่ 12 ส.ค.นี้

“หากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อนเส้นตายดังกล่าว จะส่งผลให้ความเสี่ยงด้านสงครามการค้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป” ฮั่วเซ่งเฮงระบุ

3 สถานการณ์ หากศึกการค้าสหรัฐฯ–จีนยืดเยื้อ

ฮั่วเซ่งเฮงได้ประเมินแนวโน้มราคาทองคำตามสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ดังนี้

1. สหรัฐฯ-จีนไม่ขยายเวลาเส้นตาย

หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ หรือไม่สามารถขยายเส้นตายก่อนวันที่ 12 ส.ค. คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,440 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้

2. สหรัฐฯ-จีนขยายเวลาเส้นตาย

หากสามารถขยายเวลาการเจรจาออกไปได้ คาดว่าราคาทองคำจะกลับเข้าสู่ช่วงการปรับฐานรอบใหม่ โดยอาจมีโอกาสทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 3,280-3,300 ดอลลาร์

3. สหรัฐฯ-จีนตอบโต้กันรุนแรง

นี่เป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลที่สุด หากสหรัฐฯ และจีนกลับมาใช้มาตรการภาษีนำเข้าในอัตราเดิมก่อนการเจรจาที่ 145% และ 125% ตามลำดับ จะเป็นปัจจัยบวกอย่างรุนแรงต่อทองคำ และอาจผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปทดสอบระดับ 3,500 ดอลลาร์ได้เช่นกัน

โดยสรุป ฮั่วเซ่งเฮงมองว่า การประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าของทรัมป์ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดการค้าโลกและส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อราคาทองคำในระยะยาว

ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นการขยายเวลาเส้นตายในวันที่ 12 ส.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลอ้างอิง: Fitch Ratings, U.S. Census, Reuters

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Gold Outlook dec 25

ทองคำหลังการประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปี ย่อลงมาเพื่อซื้อ

08:00 น.

 
xi marcon

“สี” หารือ “มาครง” ที่ปักกิ่ง ถกปมไต้หวัน-ยูเครน ท่ามกลางวิวาทะจีน-ญี่ปุ่น

15:03 น.

 
BOJ

BOJ ยังไม่ฟันธงปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงระดับใด เหตุยากจะประเมินอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง

14:31 น.

 
Howard Lutnick

“ลุตนิก” ยันภาคเอกชนลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.ไม่เกี่ยวภาษี “ทรัมป์”

08:59 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า