แนวโน้มราคาทอง
Sideway Up
- ผู้ว่าเฟด วอลเลอร์ คาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือนนี้
- สหรัฐฯ ขึ้นภาษีแร่แกรไฟต์จากจีน รวม 160%
Gold spot
สูงสุด – 3,354 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,331 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,350 บาท
ต่ำสุด – 51,200 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกฟื้นตัวขึ้น จากการที่ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวในงานเสวนา มันนี มาร์เก็ตเทียร์ส (Money Marketeers) มีใจความว่า “อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายของเฟด และความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นเป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งตลาดแรงงานมีความเสี่ยงที่จะอ่อนแอลง ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.นี้” ในขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้กำหนดภาษีตอบโต้สำหรับแร่แกรไฟต์จากจีนเพิ่มเติมอีก 93.5% รวมเป็น 160% ซึ่งแร่แกรไฟต์นั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยสหรัฐฯ ให้ข้อสรุปว่า วัตถุดิบดังกล่าวได้รับการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากสมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนผู้ผลิตแกรไฟต์ของสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานรัฐบาลกลางสองแห่ง เพื่อขอให้มีการสอบสวนว่า บริษัทจีนได้ละเมิดกฎหมายการทุ่มตลาด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้เวลา 21.00 น. สหรัฐฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคม.มิชิแกนเดือน ก.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ช่วงเช้านี้ ราคาทองโลกยังสามารถยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 3,325 ดอลลาร์ จึงประเมินว่าหากไม่หลุดแนวรับดังกล่าว ทองโลกอาจอยู่ในระยะ Sideway Up ที่แข็งแกร่ง โดยมีแนวต้านที่ 3,380 และ 3,400 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 3,325 และ 3,310 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,380 และ 3,400 ดอลลาร์
ราคาทองโลกอยู่ในระยะ Sideway Up แนะนำใช้กลยุทธ์รอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,325 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,380 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,310 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุน
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 51,100 และ 50,900 บาท
แนวต้าน 51,500 และ 51,700 บาท
ราคาทองในประเทศยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ จึงแนะนำรอเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 51,100 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 51,500 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 50,900 บาทลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน
