ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยืนยันว่า กระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน กำลังเข้าใกล้การบรรลุข้อตกลง หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันการไกล่เกลี่ยมาโดยตลอด โดยทรัมป์ย้ำว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนสัญญาณเชิงบวกของการยุติสงครามที่ดำเนินมากว่า 3 ปี
แม้ผู้นำสหรัฐฯ แสดงท่าทีมั่นใจต่อผลลัพธ์ที่กำลังใกล้เข้ามา แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ย้ำว่า ยังมีหลายประเด็นที่รัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ ต้องหารือเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในภูมิภาค สิทธิอธิปไตยเหนือพื้นที่พิพาท มาตรการรักษาความปลอดภัยระยะยาว และการคุ้มครองประชาชนในแนวหน้า
เจ้าหน้าที่อาวุโสระบุว่า สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือ “ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับได้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว” ซึ่งเป็นท่าทีที่สหรัฐฯ ยืนยันมาตลอดว่าต้องการสันติภาพที่มั่นคงถาวร
ด้านหัวหน้าสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติ ยูเครน เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน อาจเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ภายในไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยตนเอง ซึ่งการพบกันครั้งนี้ถูกมองว่าจะเป็น “ขั้นตอนสุดท้าย” ของการเจรจา โดยมีเป้าหมายเพื่อปิดประเด็นต่าง ๆ ที่ยังค้างอยู่ และลงนามในกรอบข้อตกลงสันติภาพหากการหารือประสบความสำเร็จ
การแถลงครั้งล่าสุดของทรัมป์ ทำให้หลายประเทศในยุโรปและองค์กรระหว่างประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะหากข้อตกลงนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความมั่นคงในยุโรปและความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-ตะวันตก หลังจากความขัดแย้งทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง
แผนสันติภาพ 28 ข้อ หยุดสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีอะไรระบุไว้บ้าง ?
1. อธิปไตยของยูเครนจะได้รับการยืนยัน : CNN รายงานว่า ประเด็นนี้ดูชัดเจนเพราะการอยู่รอดของยูเครนในฐานะ “รัฐเอกราช” ยังคงเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่การยอมรับนี้จึงถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญท่ามกลางการโจมตีของรัสเซีย
2. จะมีการทำข้อตกลง “ไม่รุกราน” อย่างรอบด้านระหว่างรัสเซีย ยูเครน และยุโรป ที่จะกำหนดว่าทุกความคลุมเครือในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จะถือว่าถูกจัดการและยุติเรียบร้อยแล้ว
3. เป็นที่คาดการณ์ว่ารัสเซียจะต้อง “ไม่บุกรุกประเทศเพื่อนบ้าน” อื่น ๆ และนาโตจะไม่ขยายตัวไปเพิ่มมากกว่านี้ : ประเด็นนี้ถูกจับตามองไปที่ประเทศจอร์เจียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของรัสเซียจะไม่เข้าร่วมนาโตในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนหน้าของจอร์เจียพยายามจะยุติแนวคิดการไม่เข้าร่วมนี้
4. จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและนาโต โดยมีสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงทั้งหมดและสร้างเงื่อนไขลดความตึงเครียดเพื่อประกันความมั่นคงในระดับโลกและเพิ่มโอกาสความร่วมมือพัฒนาทางเศรษฐกิจในอนาคต
CNN รายงานว่าทรัมป์วางบทบาทของสหรัฐฯ ให้เป็นตัวกลางระหว่างนาโตและรัสเซียอีกครั้ง ไม่เหมือนกับขนบแบบดั้งเดิม แต่สหรัฐฯ ยังคงเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของพันธมิตรทางทหารในนาโต
5. ยูเครนจะได้รับการรับประกันความมั่นคงที่เชื่อถือได้ : ประเด็นนี้มีความสำคัญและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้เรียกร้องต่อสหรัฐฯ มาตลอด
6. กองทัพยูเครนจะต้องลดขนาดลงและจะต้องจำกัดกำลังพลไม่เกิน 6 แสนนาย : เป็นประเด็นที่เกิดการถกเถียงว่าข้อเสนอนี้อาจทำให้ยูเครนเสียเปรียบ ขณะที่ CNN รายงานว่าสำหรับกำลังพลจำนวน 6 แสนนาย ถือเป็นตัวเลขที่สำคัญ และยังห่างไกลการลดขนาดกองทัพตามแบบที่รัสเซียเคยเรียกร้อง อย่างไรก็ตามฝั่งรัสเซียกลับไม่ถูกขอให้ลดขนาดกองทัพหรือจำกัดกำลังใด ๆ
7. ยูเครนต้องบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าจะ “ไม่เข้าร่วม” การเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และ นาโตจะต้องเห็นชอบที่จะกำหนดเป็นบทบัญญัติในกฎบัตรของตนว่า ยูเครนจะไม่ถูกรับเข้าเป็นสมาชิกในอนาคต : นี่คืออีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากฝั่งยูเครนและเป็นความต้องการที่รัสเซียยืนยันมาตลอดว่ายูเครนจะต้องไม่เข้าเป็นสมาชิกนาโตหากต้องการจบสงครามนี้
CNN เผยว่า ความคิดที่ว่ายูเครนอาจเข้าร่วมนาโตเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัสเซียใช้ในการเปิดฉากการรุกรานเต็มรูปแบบตั้งแต่แรก ขณะที่ฝั่งนาโตหากจะมีการบันทึกในกฎบัตรว่าจะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกจะต้องผ่านการเห็นชอบจากทุกประเทศสมาชิกก่อนเช่นกัน
8. นาโต ต้องตกลงที่จะไม่ประจำกองกำลังทหารในยูเครน
9. เครื่องบินรบของประเทศในยุโรปจะประจำการอยู่ในโปแลนด์ : ข้อนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในขณะนี้
การรับประกันความมั่นคง
10. สหรัฐฯ จะรับประกันความมั่นคงของยูเครน : แต่มีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- สหรัฐฯ จะได้รับค่าตอบแทนสำหรับการรับประกัน
- หาก “ยูเครนบุกรุกรัสเซีย” จะสูญเสียการรับประกันทันที
- หาก “รัสเซียบุกรุกยูเครน” นอกเหนือจากการตอบโต้ทางทหารจากฝ่ายตรงข้าม “การคว่ำบาตรทั้งหมดบนโลก” จะถูกนำกลับมาใช้กับรัสเซียและการยอมรับเขตแดนใหม่ตามที่ระบุในแผนสันติภาพนี้รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ของรัสเซียจะถือว่าเป็น “โมฆะ” ทันที
- หากยูเครนยิงขีปนาวุธใส่ “กรุงมอสโก” และ “นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก” ของรัสเซีย อย่างไม่มีสาเหตุ การรับประกันความมั่นคงจะสิ้นสุดทันที
CNN รายงานว่าในข้อที่ 10 นี้ แม้จะะระบุอย่างชัดเจนที่รวมถึงการโจมตีมอสโกหรือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ยังไม่ได้ครอบคลุมวิธีการอื่น ๆ มากมายที่ทำให้เกิดการอาจละเมิดข้อตกลงได้
11. ยูเครนมีสิทธิ์เข้าร่วมสหภาพยุโรปและจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงตลาดยุโรปแบบพิเศษในระยะสั้น แต่ขณะเดียวกันประเด็นนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
12. ยูเครนจะได้รับมาตรการต่าง ๆ ในระดับโลกเพื่อฟื้นฟูประเทศ ที่มีรายละเอียด เช่น การจัดตั้งกองทุนพัฒนายูเครนเพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงสหรัฐฯ จะร่วมมือกับยูเครนในการฟื้นฟู พัฒนา และปรับปรุงเมือง-ที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม รวมถึงสหรัฐฯ จะดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซร่วมกับยูเครน นอกจากนี้ จะมีความร่วมมือเพื่อการสกัดแร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติ ขณะที่ธนาคารโลก (World Bank) จะจัดทำแพ็คเกจทางการเงินพิเศษเพื่อเร่งรัดความพยายามเหล่านี้
13. รัสเซียจะถูกรวมกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก : การปลดคว่ำบาตรจะถูกนำมาหารือในขั้นต่อไป รวมถึงสหรัฐฯ จะทำข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระยะยาวและรัสเซียจะได้รับเชิญให้กลับเข้าร่วมกลุ่ม G8
14. เงินทุนที่ถูกแช่แข็ง หรือ Frozen Fund จะถูกนำไปใช้ : เป็นเงินทุนในส่วนที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ โดยเงินทุนรัสเซียที่ถูกแช่แข็งมูลค่า หนึ่งแสนล้านดอลลาร์จะถูกนำไปลงทุนในความพยายามฟื้นฟูและพัฒนายูเครนภายใต้การนำของสหรัฐฯ โดยที่สหรัฐฯ จะได้รับผลกำไร 50% จากโครงการนี้ ส่วนยุโรปจะเพิ่มเงินอีก 100 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มจำนวนเงินลงทุนที่สามารถใช้ในการฟื้นฟูยูเครน
สำหรับส่วนที่เหลือของเงินทุนรัสเซียที่ถูกแช่แข็งจะถูกลงทุนในกลไกการลงทุนร่วมสหรัฐฯ-รัสเซียอีกโครงการหนึ่งโดยกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มผลประโยชน์ร่วมกันและสร้างแรงจูงใจที่แข็งแกร่งไม่ให้กลับไปสู่ความขัดแย้งอีก
15. จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมสหรัฐฯ-รัสเซีย ในประเด็นความมั่นคง เพื่อส่งเสริมและเพิ่มการรับประกันการว่าข้อตกลงนี้จะได้รับการปฏิบัติตาม
16. รัสเซียต้องบัญญัติเป็นกฎหมายของตนว่าจะไม่รุกรานต่อยุโรปและยูเครน
17. สหรัฐฯ และรัสเซียจะตกลงขยายผลบังคับใช้ในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการนำสนธิสัญญา “START I” ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียในการลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกล
18. ยูเครนต้องตกลงที่จะเป็นรัฐ “ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์” ตามสนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ : ซึ่งในปัจจุบันยูเครนดำรงอยู่ในสถานะนี้แล้ว
19. โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียจะถูกเปิดใช้งานภายใต้การกำกับดูแลของทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA และไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกจัดสรรอย่างเท่าเทียมระหว่างรัสเซียและยูเครน แบบ 50:50
20. ทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการการศึกษาในโรงเรียนและสังคม เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและความอดทนต่อวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมทั้งขจัดการเหยียดผิวและความอคติ : ในข้อนี้ยังรวมถึงยูเครนจะนำกฎระเบียบของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับศาสนาและการคุ้มครองชนกลุ่มที่ใช้ภาษาต่างๆ มาใช้ นอกจากนี้ทั้งสองประเทศต้องตกลงยกเลิกมาตรการที่เลือกปฏิบัติทั้งหมด และรับประกันสิทธิ์ของสื่อและการศึกษา ขณะที่อุดมการณ์และกิจกรรมของนาซีทั้งหมดต้องถูกสั่งห้าม
การแบ่งดินแดน
21. การแบ่งดินแดนรัสเซียและยูเครน : อีกหนึ่งประเด็นใหญ่ที่ถูกจับตามอง ซึ่งฝั่งยูเครนมองว่าเสียเปรียบเพราะต้องสูญเสียดินแดนบางส่วนให้กับรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่เซเลนสกีปฏิเสธอย่างหนักแน่นมาโดยตลอด
- คาบสมุทรไครเมีย, ลูฮันสก์ และโดเนตสก์ จะได้รับการยอมรับในทางปฏิบัติว่า “เป็นของรัสเซีย”
- ภูมิภาคเคอร์ซอนและซาปอริซเซียจะถูกระงับตามแนวเส้นแบ่งฝ่าย ซึ่งหมายถึงการยอมรับในทางปฏิบัติ “ตามแนวเส้นแบ่งนั้น” เท่านั้น
- รัสเซียจะสละดินแดนอื่น ๆ ที่ตกลงกันไว้ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของตน นอกเหนือจากห้าภูมิภาคดังกล่าว (คาบสมุทรไครเมีย, ลูฮันสก์, โดเนตสก์, เคอร์ซอนและซาปอริซเซีย)
- กองกำลังยูเครนจะถอนตัวออกจากภูมิภาคโดเนตสก์ที่ควบคุมอยู่ในปัจจุบัน และพื้นที่นี้จะกลายเป็นเขตกันชนปลอดทหาร แม้จะได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย แต่กองกำลังรัสเซียจะต้องไม่เข้าสู่เขตปลอดทหารนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ลูฮันสก์เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย แต่โดเนตสก์ถือเป็นหัวใจสำคัญของในการต่อต้านของยูเครน รัสเซียสูญเสียกำลังทหารอย่างมหาศาลในการสู้รบเพื่อแย่งชิงพื้นที่นี้ และพื้นที่ที่ยูเครนยังควบคุมอยู่นั้นเป็นป้อมปราการสำคัญในการสกัดกั้นการรุกของรัสเซียต่อไป ซึ่งเซเลนสกีก็อาจไม่ยอมสละพื้นที่เหล่านี้ได้ส่วนหนึ่งเพราะการเสียดินแดนจะกระทบต่อคะแนนนิยมของเขาที่ในขณะนี้ก็ไม่ดีนัก
22. หลังจากตกลงเรื่องการจัดการดินแดนในอนาคตแล้ว ทั้งรัสเซียและยูเครนต้องมุ่งมั่นที่จะไม่เปลี่ยนแปลงการจัดการเหล่านี้โดยใช้กำลัง แบะการรับประกันด้านความปลอดภัยใด ๆ จะไม่ถูกนำมาใช้หากมีการละเมิดข้อผูกพันนี้
23. รัสเซียจะไม่ขัดขวางยูเครนในการใช้แม่น้ำเดนีเปร์เพื่อกิจกรรมทางการค้า และจะมีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำโดยเสรี
24. จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการด้านมนุษยธรรมขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาค้างคา : โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนนักโทษ พลเมืองที่ถูกกคุมขัง รวมถึงเด็ก ๆ จะต้องได้กลับคืนสู่ครอบครัวอีกครั้ง
25. ยูเครนต้องจัดการเลือกตั้งใน 100 วัน : CNN รายงานว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการลงคะแนนเสียงอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือนหลังการลงนามในข้อตกลงสันติภาพนี้ เช่นเดียวกันกับการปลดกำลังทหาร การปฏิรูปการเลือกตั้ง การหาเสียง และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะนำไปสู่รัฐบาลที่ขาดอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หรือถูกชักจูงโดยอิทธิพลของรัสเซีย ซึ่ง CNN กล่าวว่าอาจเป็นสิ่งที่รัสเซียต้องการ
26. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งนี้จะได้รับการ “นิรโทษกรรม” เต็มรูปแบบสำหรับการกระทำของตนในช่วงสงคราม และตกลงที่จะไม่ยื่นข้อเรียกร้องหรือพิจารณาข้อร้องเรียนใด ๆ ในอนาคต : CNN รายงานว่าในประเด็นนี้ชัดเจนว่ามุ่งเป้าไปที่การ “ยกเลิกหมายจับ” ของศาลอาญาระหว่างประเทศต่อ “ปูติน” และยังหมายถึงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามที่ถูกยื่นต่อรัสเซียจะต้องถูกยกเลิกด้วย
27. ข้อตกลงนี้จะมีผลทางกฎหมายการดำเนินการจะถูกตรวจสอบและรับประกันโดยสภาสันติภาพ (Peace Council) ที่นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หากมีการละเมิดจะมีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทันที
28. เมื่อทุกฝ่ายตกลงต่อบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ การหยุดยิงจะมีผล “ทันที” หลังจากทั้งสองฝ่ายถอยกำลังไปยังจุดที่ตกลงไว้เพื่อเริ่มดำเนินการตามข้อตกลง
ที่มา : TNN THAILAND








