ข่าวสารการลงทุน

‘สหรัฐฯ-จีน’ ยกระดับเกมภาษี-ค่าธรรมเนียมท่าเรือ กดดันห่วงโซ่อุปทานโลก คาดเดิมพันครั้งใหม่ อาจหนุนทองคำฟื้นตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

24 ตุลาคม 2568|15:00 น.

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออก ‘แร่หายาก’ ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการทหารของโลกอย่างเข้มงวด ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการขู่ว่า อาจเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่ม 155% เริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ย.นี้ หากการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ทั้งนี้ ประเด็นการค้าทั้งหมดจะถูกนำขึ้นสู่โต๊ะเจรจาระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงหลังการประชุม APEC ปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยทรัมป์ประกาศ 3 เงื่อนไขหลักที่จีนต้องยอมรับ คือ แร่หายาก ถั่วเหลือง และเฟนทานิล ทั้งนี้ หากการเจรจาล้มเหลว จะเป็น ‘ชนวน’ ให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

HSH Rare Earths website

การปะทุของสงครามการค้าด้วยอาวุธทางเศรษฐกิจใหม่

สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเคยกล่าวว่าอัตราภาษีศุลกากรระดับสูงที่สหรัฐฯ ใช้ตอบโต้จีน ‘ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว’ แต่การกระทำล่าสุดของจีนในการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และการที่จีนนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ทดแทนการนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของความขัดแย้ง โดยเปลี่ยนจาก ‘สงครามภาษี’ ไปสู่ ‘สงครามรูปผสม (Hybrid Warfare)’ ซึ่งจะมีการเจาะลึกเพิ่มเติมหลังจากนี้

ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีนได้ขยายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาตรการใหม่ที่เริ่มเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กำหนดให้บริษัททั้งในจีนและต่างประเทศ ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนในการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่หายากของจีน แม้จะมีสัดส่วนเพียง 0.1% ของมูลค่าสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิ้นส่วนแม่เหล็กและวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้ ยังห้ามการส่งออกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารของต่างประเทศโดยเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่ายอดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน 2568 ลดลงเป็นศูนย์ จากเดิม 1.7 ล้านเมตริกตันในเดือนเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการสั่งซื้อจากบราซิลที่เพิ่มขึ้น 29.9% เป็น 10.96 ล้านตัน และจากอาร์เจนตินาที่พุ่งขึ้น 91.5% เป็น 1.17 ล้านตัน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย HALT Fentanyl Act ซึ่งจัดให้ยาเฟนทานิลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 อย่างถาวร ทำให้การผลิต จำหน่าย ครอบครอง หรือนำเข้า มีโทษร้ายแรงตามกฎหมายอาญาของรัฐบาลกลาง

การควบคุมนี้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ เนื่องจากจีนครองอำนาจในการแปรรูปแร่หายาก ประมาณ 85-90% ของโลก และครองอำนาจการส่งออกแร่หายาก ประมาณ 70% ของโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และยุทโธปกรณ์ทางการทหาร อีกทั้งการที่จีนหยุดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ยังเป็นการสร้างความสั่นคลอนให้กับฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน

ของทรัมป์โดยตรง การดำเนินการของจีนถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการเมือง’ เพื่อต่อรองให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมชิปและเทคโนโลยี

3 เงื่อนไขหลักของทรัมป์ และการตอบโต้ของจีน

เพื่อตอบโต้มาตรการของจีน ทรัมป์ได้ขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 155% อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาลดภาษีลง หากจีนยอมรับเงื่อนไขหลัก 3 ประการในการเจรจาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. นี้

เงื่อนไขเหล่านั้น ได้แก่:

1) แร่หายาก: ทรัมป์กล่าวว่า “ผมไม่ต้องการให้พวกเขาเล่นเกมแร่หายากกับเรา” โดยเรียกร้องให้จีนยกเลิกข้อจำกัดการส่งออก

2) ถั่วเหลือง: เรียกร้องให้จีนกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณที่ใกล้เคียงกับในอดีต หลังพบว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนได้ลดปริมาณการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ลงเหลือศูนย์ และหันไปพึ่งพาอุปทานจากอเมริกาใต้แทน ซึ่งถือเป็น ‘การกระทำที่เป็นปรปักษ์ทางเศรษฐกิจ’

3) เฟนทานิล: ต้องการให้จีน ‘หยุดส่งเฟนทานิล’ โดยกล่าวหาว่าจีนล้มเหลวในการควบคุมการส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตยาเสพติดในสหรัฐฯ

ตลาดทุนผันผวน: หุ้นร่วง ทองคำพุ่ง

มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนและการตอบโต้ของสหรัฐฯ ด้วยการขู่ขึ้นภาษี 155% ส่งผลกระทบต่อตลาดโลกอย่างรุนแรง โดยตั้งแต่ที่มีข่าวออกมา มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หายไปกว่า 1.5 ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์

ฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า การเจรจาหลังการประชุม APEC ครั้งนี้เป็นเดิมพันที่สูงมาก หากการเจรจาล้มเหลวและไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญเหล่านี้ได้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกจะกลับมาปกคลุมตลาด ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มีโอกาสที่จะทะยานขึ้นอีกครั้ง

หากมีการฟื้นตัว ยังคงมองเป้าหมายที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่าทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 69,100 บาท) ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนทองคำในปีนี้พุ่งทะลุ 70%

ในทางกลับกัน หากผลการเจรจาออกมาเป็นบวกและมีการบรรลุข้อตกลงบางส่วน อาจทำให้ราคาทองคำปรับฐานลงมา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อบริเวณแนวรับสำคัญที่ 4,000 และ 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เทียบเท่ากับทองคำแท่งในประเทศประมาณบาทละ 61,900 และ 61,100 บาทตามลำดับ) เนื่องจากตลาดยังคงมีปัจจัยหนุนทองคำในระยะยาว ทั้งประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวและทิศทางดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า

ข้อมูลอ้างอิง:

  • The Washington Post
  • Center for Strategic & International Studies
  • The Japan Times
  • The Times of India
  • Bruegel
  • Yahoo! Finance

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
trump powell

“ทรัมป์” ฉุน! โวยเฟดควรหั่นดอกเบี้ยเป็น 2 เท่า หลังลดเพียง 0.25% วานนี้

09:41 น.

 
FOMC

เฟดเตรียมซื้อบอนด์ 5.44 หมื่นล้านดอลล์ พยุงสภาพคล่องตลาด-คุมเสถียรภาพดอกเบี้ย

09:38 น.

 
powell cnn 2

กรรมการ FOMC เสียงแตกลดดอกเบี้ย ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง

08:30 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดบวก $18.5 นลท.ระวังการซื้อขายก่อนประชุมเฟด

08:42 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า