ข่าวสารการลงทุน

สหรัฐฯ ชัตดาวน์ครั้งใหม่ สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก หนุนราคา ‘ทองคำ’ พุ่งแตะ 4,000 ดอลลาร์

07 ตุลาคม 2568|15:00 น.

รัฐบาลสหรัฐฯ ประสบภาวะชัตดาวน์ ฉุดความเชื่อมั่น ส่งผลเศรษฐกิจโลกสั่นคลอน ดันทองคำทะลุแนวต้าน $3,900 ต่อออนซ์ และกรอบบาทละ 60,000 บาท

HSH US Gov Shutdown facebook

ปี 2025 ราคาทองโลกพุ่งแรงกว่า 1,350 ดอลลาร์ หรือราว 51% ทำจุดสูงสุดที่ 3,977.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศแตะจุดสูงสุดที่ 61,000 บาทต่อบาททองคำ (ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 09.16 น.) ยืนยันบทบาท “ทองคำ” ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนทั่วโลก

‘สหรัฐฯ ชัตดาวน์ – ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์’ ปัจจัยเร่งทองคำ
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และตะวันออกกลางยังเป็นฉนวนเสี่ยง แต่แรงส่งรอบล่าสุดมาจาก ‘วิกฤติการเมืองสหรัฐฯ’ หลังสภาคองเกรสไม่ผ่านงบประมาณ จนทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ “ชัตดาวน์” (Government Shutdown) ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งฉุดความเชื่อมั่นตลาด กดดันดอลลาร์สหรัฐฯ และหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ราคาทองจึงทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในช่วงเริ่มชัตดาวน์ ขณะที่นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น สืบเนื่องจากสภาพแวดล้อมและข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าช้าหรือเลื่อนประกาศออกไป เพราะหน่วยงานรัฐปิดทำการ

ทั้งนี้ ต้นตอของภาวะชัตดาวน์ เกิดจากความล่าช้าในการผ่าน Continuing Resolution (CR) สะท้อนความแตกแยกเชิงโครงสร้างทางการเมืองสหรัฐฯ ฝั่งเดโมแครตยืนยันผูกงบฯ กับการขยายเงินอุดหนุนเบี้ยประกันสุขภาพภายใต้ ACA เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนรายได้น้อย ขณะที่รีพับลิกัน (นำโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร ไมค์ จอห์นสัน) ต้องการผลักดันงบชั่วคราวถึง 21 พฤศจิกายน 68 โดยไม่พ่วงนโยบายอื่น และแยกถกเรื่องสาธารณสุขต่างหาก

การปิดหน่วยงานรัฐทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางราว 750,000 – 850,000 คน ต้องถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง (ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์/วัน) ส่วนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATC) และสำนักงานความปลอดภัยการขนส่ง (TSA) ยังต้องทำงานต่อไปโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ขณะเดียวกัน ข้อมูลสำคัญจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ทั้งตัวเลขการจ้างงานรายเดือนและอัตราเงินเฟ้อ ก็อาจถูกเผยแพร่ล่าช้าออกไป ส่งผลให้ภาคธุรกิจ นักลงทุน ผู้กำหนดนโยบายมองภาพไม่ชัดเจน และทำให้ความผันผวนในตลาดการเงินสูงขึ้น ซึ่งเอื้อต่อสินทรัพย์หลบภัยอย่างทองคำ

ยิ่งชัตดาวน์ยืดเยื้อ ทองคำยิ่งทรงตัวแข็งแกร่ง
ความน่าจะเป็นล่าสุดชี้ให้เห็นว่า การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจยืดเยื้อกินเวลาโดยเฉลี่ยราว 11 วัน ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนมากเชื่อว่ามีโอกาสสูงถึง 67% ที่รัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการหลังวันที่ 15 ตุลาคม 68 โดยมีการประเมินความน่าจะเป็น ดังต่อไปนี้

  • รัฐบาลสามารถเจรจาหาทางออก โดยใช้เวลา 4 – 9 วัน ความน่าจะเป็นอยู่ที่ 4%
  • รัฐบาลสามารถเจรจาหาทางออก โดยใช้เวลา 10 – 29 วัน ความน่าจะเป็นอยู่ที่ 66%
  • รัฐบาลสามารถเจรจาหาทางออก โดยใช้เวลามากกว่า 30 วัน ความน่าจะเป็นอยู่ที่ 27%

‘ทองคำ – หุ้น’ พาเหรดนิวไฮ ไม่ใช่เรื่องปกติ
ขณะที่ข้อมูลจาก Forbes สะท้อนภาพ ‘ความผิดปกติแต่เกิดขึ้นจริง’ ในปี 2024 – 2025 เมื่อทองคำและหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดพร้อมกันหลายครั้ง ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก เพราะทองคำมักพุ่งขึ้นเมื่อความเสี่ยงเพิ่ม แต่หุ้นมักพุ่งขึ้นเมื่อตลาดมีความเชื่อมั่น หรือมีความชัดเจน

โดยในปี 2025 เกิดเหตุการณ์ที่ทองคำและหุ้นทำจุดสูงสุดในวันเดียวกันแล้ว 6 ครั้ง และเมื่อปี 2024 เกิดขึ้นถึง 10 ครั้ง ขณะที่ตลอดช่วงปี 1970 – 2023 เกิดเพียง “สองครั้ง” เท่านั้น (ในปี 1972) ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ความแปลกตาทางสถิติในรอบครึ่งศตวรรษ และเข้ากับบรรยากาศความไม่แน่นอนล่าสุดจากภาวะชัตดาวน์ที่เกื้อหนุนฝั่งทองคำ

การที่สินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้ปรับขึ้นพร้อมกัน จึงสะท้อนปัจจัยขับเคลื่อนหลายประการที่สอดคล้องกัน ตั้งแต่ ดอลลาร์อ่อนค่าลง ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและนโยบาย รวมทั้งการที่นักลงทุนกระจายความเสี่ยงพร้อมกันทั้งฝั่งเสี่ยงและฝั่งหลบภัย

คาดทองคำตอบรับภาวะชัตดาวน์ ‘อย่างแข็งแกร่ง’
ทั้งนี้ เมื่อย้อนดูราคาทองกับภาวะชัตดาวน์สมัยทรัมป์ 1 จะพบว่า
• ครั้งที่ 1: วันเสาร์ที่ 20 – วันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2018 (3 วัน) หลังจากเปิดทำการ 1 สัปดาห์ ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น +17.8 ดอลลาร์
• ครั้งที่ 2: วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2018 (ภายในวัน) หลังจากเปิดทำการ 1 สัปดาห์ ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น +28.1 ดอลลาร์
• ครั้งที่ 3: วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2018 – วันศุกร์ที่ 25 มกราคม 2019 (35 วัน) ราคาทองในช่วง 35 วัน ปรับเพิ่มขึ้น +25.3 ดอลลาร์ (จาก 1,255.3 ดอลลาร์ สู่ 1,280.8 ดอลลาร์) และหลังจากเปิดทำการ 1 สัปดาห์ ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น +36.4 ดอลลาร์

ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า จากข้อมูลทางสถิติ ภาวะชัตดาวน์ครั้งที่ 1 และ 2 กินระยะเวลาเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ และเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งแตกต่างกับครั้งที่ 3 ที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 35 วัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า ตราบใดที่สหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะชัตดาวน์ ราคาทองอาจปรับตัวลงได้ยาก ในทางกลับกัน แม้รัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณได้ ราคาทองก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ เพราะนักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้น แนวโน้มที่ราคาทองคำจะอยู่เหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือทองคำแท่งในประเทศบาทละ 61,500 บาทขึ้นไป มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

ข้อมูลอ้างอิง : CNBC และ Forbes

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Gold Outlook dec 25

ทองคำหลังการประชุมเฟดครั้งสุดท้ายของปี ย่อลงมาเพื่อซื้อ

08:00 น.

 
xi marcon

“สี” หารือ “มาครง” ที่ปักกิ่ง ถกปมไต้หวัน-ยูเครน ท่ามกลางวิวาทะจีน-ญี่ปุ่น

15:03 น.

 
BOJ

BOJ ยังไม่ฟันธงปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงระดับใด เหตุยากจะประเมินอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง

14:31 น.

 
Howard Lutnick

“ลุตนิก” ยันภาคเอกชนลดการจ้างงานในเดือนพ.ย.ไม่เกี่ยวภาษี “ทรัมป์”

08:59 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า