ข่าวสารการลงทุน

ไขความลับแรงหนุนทองคำ หลังจบการเจรจาสหรัฐฯ-จีน

04 พฤศจิกายน 2568|15:00 น.

HSH Hidden Forces website

การเจรจาระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมเอเปค เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้) กลายเป็นเวทีที่ทั่วโลกจับตา เพราะนี่คือการพบกันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ซึ่งอาจเป็น ‘จุดเริ่มต้นใหม่’ ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ โดยการหารือกินเวลาราว 1 ชั่วโมง 40 นาที ก่อนที่ทรัมป์จะออกมาแถลงต่อสื่อโดยมีข้อตกลงทางการค้ากับจีน ดังนี้

  • ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลดเหลือ 47% และมีผลทันที

ทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราใหม่ จากเดิม 57% เหลือ 47% เพื่อแลกกับการที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ และร่วมมือกันในการปราบปรามการค้าเฟนทานิล (fentanyl) ผิดกฎหมาย รวมถึงรักษาการส่งออก “แร่หายาก” (Rare Earths)

  • ภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลลดเหลือ 10% และมีผลทันที

ภาษีนำเข้าเฟนทานิลจากจีนถูกปรับลดลงจาก 20% เหลือ 10% โดยทรัมป์เชื่อว่า สี จิ้นผิงจะดำเนินการจริงจังในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารตั้งต้นและก่อให้เกิดปัญหายาเสพติดอย่างร้ายแรงในสหรัฐฯ

  • จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ‘ทันที’

จีนจะซื้อถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐฯ ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หลังจากหยุดนำเข้าตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรอเมริกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้ จีนเคยนำเข้าในปริมาณที่มากถึง 22.5 ล้านตันต่อปี แต่ในช่วงต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ปริมาณนำเข้ากลับเหลือเพียง 12 ล้านตันเท่านั้น ขณะที่นายสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ภายใต้ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ จีนให้คำมั่นว่าจะซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ปีละ 25 ล้านตัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี

  • ยุติการผูกขาดและการระงับการส่งออก ‘แร่หายาก’

ทรัมป์ระบุว่า ประเด็นการค้าเกี่ยวกับแร่หายากได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่า “ไม่มีอุปสรรคจากจีนอีกต่อไป” ซึ่งมีนัยสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีของโลก

  • ระงับการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือ

สำหรับค่าธรรมเนียมท่าเรือซึ่งเรียกเก็บกับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ คือหนึ่งในประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน และเคยเป็นต้นเหตุให้ค่าระวางเรือทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นนั้น ล่าสุดทั้งสองประเทศตกลงที่จะระงับการเก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้ระหว่างกันเป็นการชั่วคราว โดยข้อตกลงดังกล่าวจะพักชำระค่าธรรมเนียมท่าเรือเป็นเวลา 12 เดือน คิดเป็นมูลค่าราว 3,200 ล้านดอลลาร์ต่อปี สำหรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่ผลิตในจีนและเดินทางเข้าเทียบท่าเรือของสหรัฐฯ

  • บรรลุข้อตกลงทางการค้า ‘ระยะเวลา 1 ปี’

มหาอำนาจทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งคาดว่าจะต่ออายุได้ในอนาคตและจะมีการลงนามอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ โดยทรัมป์ย้ำว่า การเจรจาครั้งนี้เป็น “การพบปะที่ยอดเยี่ยม” และกล่าวชื่นชมสี จิ้นผิงเป็น “ผู้นำที่ยอดเยี่ยม” ในทางกลับกันด้านสี จิ้นผิง ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด

ปมที่รอการคลี่คลาย ประเด็นใหญ่ที่ยังไร้คำตอบ

แม้การพบปะครั้งนี้จะช่วยลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศลงบางส่วน แต่ตลาดกลับมองว่าสถานการณ์ในขณะนี้ ‘เหมือนพายุที่สงบลงชั่วคราวเท่านั้น แต่เมฆดำยังไม่จางหาย’ เพราะยังมี 3 ประเด็นหลักที่จีนเรียกร้อง แต่ไม่ได้รับคำตอบชัดเจนจากสหรัฐฯ อันได้แก่

  • การยุติข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังจีน
  • การไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน
  • การยกเลิกข้อจำกัดด้านการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ

ทั้ง 3 ประเด็นนี้ ยังคงเป็น “ปมปัญหาที่ไม่ได้มีการพูดถึง” สะท้อนว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ แม้จะเริ่ม ‘คลายปม’ แต่ยังห่างไกลจากคำว่า ‘คลี่คลายอย่างแท้จริง’

ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยหนุน เมื่อความไม่แน่นอนยังคุกรุ่น

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง ประเมินว่า ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้การเจรจาระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และสี จิ้นผิง จะช่วยคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ลงได้บางส่วน แต่การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นเพียง ‘การพักรบทางเศรษฐกิจชั่วคราว’ มากกว่าการยุติสงครามการค้าอย่างแท้จริง ความไม่แน่นอนยังคงเป็นชนวนสำคัญที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์ยังคงใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือต่อรองหลักกับคู่ค้าทั่วโลก ในมุมมองของนักลงทุน ประเด็นที่ยังไม่ถูกคลายความชัดเจนจากการเจรจาระหว่างสองมหาอำนาจยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่คงอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเสี่ยงจากการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับที่นักลงทุนทั่วโลกต่างทยอยเพิ่มการลงทุนในกองทุนทองคำ (ETF) หรือแม้แต่การคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ หลังนายเจอโรม พาวเวล ได้ส่งสัญญาณในแถลงการณ์ครั้งล่าสุด รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จากปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ล้วนแล้วแต่เป็นแรงขับเคลื่อนและมีส่วนสนับสนุนให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวกและสามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ต่อไป

โดยกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ฮั่วเซ่งเฮงแนะนำให้ทยอยสะสมที่ 3,800 – 3,850 ดอลลาร์ ราคาทองคำแท่งที่ 59,000 – 59,500 บาท ขณะที่ระยะสั้นแนวต้าน 4,150 – 4,200 ดอลลาร์ ราคาทองคำแท่งที่ 63,500 – 64,000 บาท ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องจับตาท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในช่วงสุดท้ายของปี

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
trump powell

“ทรัมป์” ฉุน! โวยเฟดควรหั่นดอกเบี้ยเป็น 2 เท่า หลังลดเพียง 0.25% วานนี้

09:41 น.

 
FOMC

เฟดเตรียมซื้อบอนด์ 5.44 หมื่นล้านดอลล์ พยุงสภาพคล่องตลาด-คุมเสถียรภาพดอกเบี้ย

09:38 น.

 
powell cnn 2

กรรมการ FOMC เสียงแตกลดดอกเบี้ย ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง

08:30 น.

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดบวก $18.5 นลท.ระวังการซื้อขายก่อนประชุมเฟด

08:42 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า