Desktop 1550x550 13

แนวโน้มตลาดและการลงทุน

Market Focus Weekly 27-10-2568

27 ตุลาคม 2568|09:19 น.

30 ตุลาคม จับตาเจรจาหยุดโลก “ทรัมป์ – สี จิ้นผิง” พร้อมส่งต่อผลกระทบใน “ทองคำ”

Gold Bullish

  • ความไม่แน่นอนสงครามการค้า
  • การปรับลดอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • สงครามรัสเซีย – ยูเครน มีความตึงเครียดมากขึ้น
  • ธนาคารกลางและกองทุน ETF เข้าซื้อทอง

Gold Bearish

  • เจรจาการค้าสหรัฐฯ – จีน สามารถบรรลุข้อตกลง

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลง (-139.3) ดอลลาร์ หรือราว (-3.28%) หลังจากขึ้นติดต่อกัน 9 สัปดาห์ ทำ All-time High ที่ 4,111.5 ดอลลาร์ และทำจุดต่ำสุดที่ 4,004.4 ดอลลาร์ นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน โดยเจรจาล่าสุดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดย เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงจุดที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะตัดสินใจร่วมกันได้ว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ภายในสัปดาห์หน้า การหารือครั้งนี้ครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ ทั้งการขยายระยะเวลาพักรบทางการค้าและการจัดการกับ แร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบยุทธศาสตร์

การเจรจาครั้งนี้จัดขึ้นนอกรอบการประชุมอาเซียน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรีจีนเข้าร่วม ถือเป็นการพูดคุยรอบที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มีเป้าหมายเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด หลังจากที่ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 100% ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อโต้ตอบการที่จีนจำกัดการส่งออกแม่เหล็กและแร่หายาก

สหรัฐฯ–จีน จับตาการพบปะทรัมป์–สี จิ้นผิง ปลายเดือนนี้ ชี้ชะตาทิศทางสงครามการค้าโลก

ทั่วโลกจับตาการพบปะระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย–แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ วันที่ 31 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจ

สหรัฐฯ เตรียมหยิบยก 3 ประเด็นหลักขึ้นเจรจากับจีน ได้แก่

  • แร่หายาก (Rare Earths): เรียกร้องให้จีนยกเลิกข้อจำกัดการส่งออก
  • ถั่วเหลือง: ขอให้จีนกลับมานำเข้าจากสหรัฐฯ หลังลดเหลือศูนย์ในเดือนกันยายน
  • เฟนทานิล: เรียกร้องให้จีนยุติการส่งออกสารตั้งต้นของยาเสพติดที่เป็นปัญหาในสหรัฐฯ

สัญญาณผ่อนคลายจากฝั่งสหรัฐฯ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะยุติมาตรการภาษี

ความคืบหน้าล่าสุด นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยช่วงสุดสัปดาห์ว่าการประชุมกับคณะผู้แทนจีนว่า ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญ ทั้งการค้า แร่หายาก สารเฟนทานิล ติ๊กต๊อก (TikTok) สินค้าเกษตร และความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยการเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และครอบคลุมทุกมิติ และเสริมว่า การขยายระยะเวลาพักรบทางการค้าน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์

ซึ่งก่อนหน้าการประชุม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณผ่อนคลาย โดยกล่าวว่า “อัตราภาษีศุลกากรในระดับสูงที่สหรัฐฯ ใช้ตอบโต้จีน ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว” ซึ่งช่วยคลายความกังวลของตลาดต่อการยกระดับสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม เขายังระบุว่า “มาตรการดังกล่าวอาจดำรงอยู่ได้เพียงชั่วคราว แต่ไม่ยั่งยืน” ซึ่งสะท้อนว่าท่าทีของสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจนว่าจะยุติการขยายเวลาภาษีศุลกากรที่มีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้หรือไม่

แม้ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงเจตนารมณ์ต้องการ “ฟื้นเสถียรภาพทางความสัมพันธ์” แต่ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะประนีประนอมในประเด็นยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีและความมั่นคง ยังคงต่ำ ทำให้ผลลัพธ์ของการเจรจาอาจเป็นเพียงการผ่อนคลายชั่วคราว มากกว่าจะยุติสงครามการค้าอย่างถาวร

ผลการเจรจาระหว่างสองชาติมหาอำนาจในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญของตลาดการเงินทั่วโลก หากสามารถบรรลุข้อตกลงได้ตลาดการเงินอาจเข้าสู่ภาวะคลายกังวล และราคาทองคำมีโอกาส “ปรับฐานระยะสั้น” จากแรงขายทำกำไร แต่หากการเจรจาล้มเหลวหรือไม่บรรลุผลเป็นรูปธรรม ความไม่แน่นอนจะกลับมาครอบคลุมตลาดอีกครั้ง ส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะถัดไป

ชัตดาวน์สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4

การชัตดาวน์ ซึ่งกลายเป็นการหยุดทำงานที่ยาวนานอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง พรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ พรรคเดโมแครต ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการขยายเวลาการอุดหนุนประกันสุขภาพสำหรับชาวอเมริกันหลายล้านคน

การชะงักงันครั้งนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อการให้บริการสาธารณะ โดยเฉพาะใน อุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ ซึ่งพนักงานควบคุมการบินกว่า 60,000 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินจำนวนมากต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง และทำให้สำนักงานการบิน (FAA) ต้องสั่งหยุดเที่ยวบินบางส่วนในเมืองฮิวสตันเนื่องจากขาดแคลนบุคลากร ขณะเดียวกัน ฝ่ายรีพับลิกันในวุฒิสภากำลังเผชิญแรงกดดันให้ ยกเลิกเกณฑ์เสียงข้างมาก 60 เสียง (filibuster) เพื่อผลักดันร่างงบประมาณให้ผ่านได้โดยไม่ต้องพึ่งเสียงจากเดโมแครต แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของข้อตกลง

ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลดัชนีเงินเฟ้อ CPI ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคืนวันที่ 29 ตุลาคม เวลา 01.00 น.

ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า ตลาดให้น้ำหนัก 98.3% ต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75–4.00% และยังคาดการณ์ต่ออีกว่า ในการประชุมเดือนธันวาคม เฟดมีโอกาสสูงถึง 91.1% ที่จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25%

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตา ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในเวลา 01.30 น. เพื่อหาสัญญาณแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม รวมถึงมุมมองของเฟดต่อ ความตึงตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญระหว่างเป้าหมายการจ้างงานเต็มที่และการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม

“เจพี มอร์แกน–โกลด์แมน แซคส์” มองทองยังเป็นขาขึ้น สู่เป้าหมายเหนือ 5,000 ดอลลาร์

2 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก เจพี มอร์แกน และ โกลด์แมน แซคส์ ต่างส่งสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว โดยเจพี มอร์แกนคาดว่าราคาทองจะเฉลี่ยแตะ 5,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาส 4 ปี 2569 หนุนจากแรงซื้อของธนาคารกลางและนักลงทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังคงเป้าหมายระยะยาวที่ 6,000 ดอลลาร์ภายในปี 2571

ด้านโกลด์แมน แซคส์ยังคงมุมมอง “ขาขึ้นเชิงโครงสร้าง” ต่อทองคำ แม้ราคาจะอ่อนตัวจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,378 ดอลลาร์ ลงมาอยู่ราว 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมองว่าแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก จะเป็นแรงหนุนสำคัญ พร้อมคงเป้าหมายราคาทองสิ้นปี 2026 ที่ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ซึ่งทั้ง 2 สถาบันต่างเชื่อว่า “ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์เด่นในยุคดอกเบี้ยขาลง” โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความกังวลต่อภาวะ stagflation และความไม่แน่นอนของเสถียรภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจเร่งให้นักลงทุนทั่วโลกเพิ่มน้ำหนักการถือครองทองคำในพอร์ตต่อเนื่อง

แนวโน้มราคาทอง

ราคาทองคำโลกในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวน ระยะสั้นภาพทางเทคนิคยังอยู่ในกรอบ Symmetrical Triangle ซึ่งสะท้อนถึงภาวะ “รอเลือกทาง” นักลงทุนกำลังจับตาปัจจัยข่าวสำคัญ โดยเฉพาะผลการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน ที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางทองคำ

หากการเจรจามีความคืบหน้าและนำไปสู่ข้อตกลงเชิงบวก อาจกระตุ้นแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำได้รอบใหม่  อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักยังคงเป็น ขาขึ้น โดยมีแนวรับในกรอบ 4,000 – 4,040 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นด้านล่างและแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา หากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้ มีแนวรับถัดไปที่ 3,890 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านที่ 4,180 ดอลลาร์ และ 4,300 ดอลลาร์

สำหรับ ทองคำแท่งในประเทศ แนะนำให้นักลงทุน ทยอยสะสมเมื่อราคาปรับตัวลง ใกล้บริเวณ 62,700 บาท โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 62,500 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 64,200 บาท และ 65,600 บาท

image 286

ดาวน์โหลดเอกสาร

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Cover 1000x670 10

Night Recap Gold Spot 12-12-2568

15:37 น.

 
Cover 1000x670 02

Night Recap Gold Futures 12-12-2568

15:32 น.

 
Cover 1000x670 01

Daily Recap Gold Futures 12-12-2568

08:55 น.

 
Cover 1000x670 09

Daily Recap Gold Spot 12-12-2568

08:51 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose your cookie settings by enabling/disabling cookies for each category as needed, except for necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาการล็อกอินของผู้ใช้ การบันทึกสินค้าที่เพิ่มลงในรถเข็น และการบันทึกการตั้งค่าภาษา
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ เช่น จำนวนผู้เข้าชม, หน้าเว็บที่ได้รับความนิยม และพฤติกรรมการท่องเว็บ ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้การทำงานเพื่อจดจำการตั้งค่าผู้ใช้

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ โดยจดจำการตั้งค่าที่ผู้ใช้เคยกำหนดไว้ เช่น ชื่อผู้ใช้, ภาษา, ภูมิภาค หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ของบุคคลที่สามเพื่อการวิเคราะห์และการตลาด

    คุกกี้เหล่านี้ถูกตั้งค่าโดยบุคคลที่สาม เช่น ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลหรือผู้ให้บริการโฆษณา และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์เว็บไซต์และการทำการตลาด
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้โฆษณาเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ

    คุกกี้เหล่านี้ใช้เพื่อติดตามการใช้งานของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ และแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งมักจะใช้โดยเครือข่ายโฆษณาภายนอก
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า