แนวโน้มราคาทอง
Sideway Down
- Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ พุ่งสูง
- ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่ากดดันทองลง
Gold spot
สูงสุด – 3,345 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 3,287 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 51,300 บาท
ต่ำสุด – 51,200 บาท
ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำโลกยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นยืนเหนือระดับ 4.4% สูงสุดในรอบสองสัปดาห์ ส่งผลให้ตลาดเริ่มหันกลับมาสนใจพันธบัตรสหรัฐฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ดอกเบี้ย อีกทั้งด้านค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังความตึงเครียดด้านภาษีการค้าระหว่างประเทศเริ่มมีท่าทีผ่อนคลาย โดยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขยายเส้นตายการจัดทำข้อตกลงการค้ากับนานาประเทศออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค. โดยย้ำว่าจะไม่มีการขยายเวลาเพิ่มเติมอีก ในขณะที่เงินเยนยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังนายเรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่นได้ออกมาแสดงจุดยืนว่าจะปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจชาติ จากภาระภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 25% ส่วนฝั่งยุโรปเองก็เร่งเจรจาการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า 10% ที่อาจเริ่มมีผลก่อนวันที่ 1ส.ค.นี้ ทางด้านกองทุน SPDR ขายทอง 1.15 ตัน รวมสุทธิ 946.51 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกยังอยู่ในระยะ Sideway Down ลงทดสอบแนวรับที่ระดับ 3,292 ดอลลาร์ แต่ยังสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ จึงประเมินว่าราคาทองโลกอาจมีการฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยมีแนวต้านที่ระดับราคา 3,325 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 3,292 และ 3,272 ดอลลาร์
แนวต้าน : 3,325 และ 3,340 ดอลลาร์
ราคาทองโลกยังคงอยู่ในช่วง Sideway Down แนะนำใช้กลยุทธ์รอเข้าซื้อสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,292 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,325 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,272 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุน
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 50,900 และ 50,700 บาท
แนวต้าน : 51,500 และ 51,700 บาท
ราคาทองในประเทศปรับฐานลงตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า แนะนำรอเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 50,900 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 51,700 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 50,700 บาทลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน











