นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่จะยุติการลดขนาดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ แต่เขาไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว
ทั้งนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติสหรัฐ (NABE) ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย นายพาวเวลกล่าวถึงท่าทีล่าสุดของเฟดเกี่ยวกับการใช้นโยบาย “คุมเข้มเชิงปริมาณ” (quantitative tightening) หรือ QT ซึ่งเป็นกระบวนการลดการถือครองสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดที่มีมูลค่ามากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์
แม้ไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัดว่ามาตรการ QT จะสิ้นสุดเมื่อใด แต่นายพาวเวลกล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดใกล้บรรลุเป้าหมายของการมีทุนสำรองเพียงพอสำหรับธนาคารต่าง ๆ
‘แผนของเราที่ประกาศไว้นานแล้วคือการยุติการลดขนาดงบดุล เมื่อปริมาณทุนสำรองอยู่เหนือระดับที่เรามองว่าเพียงพอต่อสภาพคล่องในระบบ โดยเราอาจเข้าใกล้จุดนั้นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และเรากำลังติดตามตัวชี้วัดมากมายเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ’ นายพาวเวลกล่าว
แม้ประเด็นเรื่องงบดุลถือเป็นรายละเอียดเชิงเทคนิคในนโยบายการเงิน แต่ก็มีความสำคัญต่อตลาดการเงิน เพราะเมื่อสภาพคล่องในตลาดตึงตัว เฟดจะมุ่งให้เกิดภาวะ “ทุนสำรองในระดับสูง” เพื่อให้ภาคธนาคารมีสภาพคล่องเพียงพอในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เฟดก็จะปรับลดสู่ภาวะ “ทุนสำรองเพียงพอ” เพื่อป้องกันไม่ให้มีเงินทุนล้นระบบเกินไป
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้งบดุลของเฟดพุ่งขึ้นเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่กลางปี 2565 เฟดได้ทยอยปล่อยให้ตราสารหนี้เหล่านั้นหมดอายุโดยไม่ซื้อคืน ซึ่งถือเป็นมาตรการหนึ่งในการคุมเข้มนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า เริ่มมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าสภาพคล่องในระบบกำลังตึงตัวขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าการลดทุนสำรองต่อไปจะขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นายพาวเวลย้ำว่า เฟดไม่มีแผนที่จะลดขนาดงบดุลกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนในประเด็นอัตราดอกเบี้ย นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีความกังวลต่อความตึงตัวของตลาดแรงงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงระหว่างการจ้างงานและการควบคุมเงินเฟ้อ
‘แม้อัตราว่างงานจะยังคงต่ำจนถึงเดือนส.ค. แต่การจ้างงานใหม่ได้ลดลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดแรงงาน อันเนื่องจากการอพยพและการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานที่ลดต่ำลง’ นายพาวเวลกล่าว และเสริมว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ได้ตอบสนองต่อสถานการณ์แรงงานในเดือนก.ย.ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%
แม้ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ และเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็สนับสนุนแนวคิดนั้น แต่นายพาวเวลไม่ได้ให้คำมั่นดังกล่าว
‘ไม่มีเส้นทางใดของนโยบายที่ปราศจากความเสี่ยง ขณะที่เราพยายามสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ’ เขากล่าว
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์








