ซีเอ็นบีซี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (25 ส.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปลดลิซา คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกจากตำแหน่ง ตามจดหมายที่โพสต์ลงบน Truth Social ของเขา ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นการยกระดับการโจมตีธนาคารกลางสหรัฐฯ ของเขาอย่างมีนัยสำคัญ
ทรัมป์เขียนว่า “ตามอำนาจของข้าพเจ้าภายใต้มาตราสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา และพระราชบัญญัติธนาคารกลางสหรัฐฯ ปี 1913 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้าพเจ้าขอปลดคุณออกจากตำแหน่งคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยมีผลทันที”
การเคลื่อนไหวของทรัมป์ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางกฎหมายที่อาจนำไปสู่ศาลฎีกา
รัฐบาลทรัมป์อ้างว่า คุก ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2022 ได้กระทำการฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยถูกกล่าวหาว่าใช้ชื่ออสังหาริมทรัพย์สองแห่งที่แตกต่างกันเป็นที่อยู่อาศัยหลักในเวลาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า คุกยื่นขอสินเชื่อก่อนรับตำแหน่งที่เฟด และโดยปกติธนาคารผู้ปล่อยกู้มักจะให้สัญญาเงินกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยที่ผ่อนปรนกว่าสินเชื่อซื้อบ้านเพื่อการลงทุน เช่นเพื่อปล่อยให้คนเช่า โดยทั่วไปคู่ความมักจะตกลงกันนอกศาลเมื่อเกิดคดีความขึ้น
บิล พัลต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล อย่างรุนแรง ได้กล่าวหาคุกต่อสาธารณชนว่าฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม และส่งเอกสารแจ้งความคดีอาญาไปยังกระทรวงยุติธรรม
ทรัมป์ได้อ้างถึงเอกสารแจ้งการกระทำผิดคดีอาญาในจดหมายของเขาและกล่าวว่า “มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่าคุณได้ให้ถ้อยคำเท็จเกี่ยวกับข้อตกลงสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนึ่งหรือมากกว่า”
ทรัมป์เขียนว่า “ยกตัวอย่างเช่น ตามรายละเอียดในการแจ้งความคดีอาญา คุณได้ลงนามในเอกสารฉบับหนึ่งเพื่อยืนยันว่าอสังหาริมทรัพย์ในรัฐมิชิแกนจะเป็นที่อยู่อาศัยหลักของคุณในปีหน้า”
“สองสัปดาห์ต่อมา คุณได้ลงนามในเอกสารอีกฉบับสำหรับอสังหาริมทรัพย์ในรัฐจอร์เจีย โดยระบุว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหลักของคุณในปีหน้า”
ทรัมป์อ้างว่า “เป็นไปไม่ได้” ที่คุก “ไม่รู้ถึงข้อผูกมัดแรกของเธอเมื่อทำข้อผูกมัดที่สอง”
หลังจากที่คำกล่าวอ้างของพัลต์เริ่มแพร่หลายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ก็รีบเรียกร้องให้คุกลาออก โดยโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “คุกต้องลาออก เดี๋ยวนี้!!!”
คุกกล่าวในแถลงการณ์ในวันเดียวกันว่าเธอ “ไม่มีเจตนาที่จะลงจากตำแหน่งเพราะถูกกลั่นแกล้ง เพียงเพราะคำถามบางอย่างที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในทวีต”
สองวันต่อมา ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะไล่คุกออกหากเธอไม่ลาออก
“สิ่งที่เธอทำนั้นเลวร้าย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม
การไล่ทรัมป์ออกมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้าทางกฎหมาย นิวยอร์กไทมส์ระบุว่าศาลฎีกาอาจเข้ามาเกี่ยวข้องหากผู้พิพากษาอนุญาตให้คุกยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปในขณะที่กระบวนการทางกฎหมายกำลังดำเนินอยู่
รัฐสภาได้จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการไล่ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกโดยฝ่ายเดียวในพระราชบัญญัติธนาคารกลางสหรัฐฯ ปี 1913 ซึ่งระบุว่าประธานาธิบดีสามารถทำได้เพียง “ด้วยเหตุผล” แม้ว่ากฎหมายจะไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าอะไรคือ “เหตุผล” แต่ในอดีตเป็นที่เข้าใจกันว่าหมายถึงความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการดำรงตำแหน่งต่อไป
หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการปลดคุก เขาจะสามารถเสนอชื่อผู้ที่จะมาแทนที่เธอและปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอีกหลายปีข้างหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะดำรงตำแหน่งวาระละ 14 ปี
คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และมิเชลล์ โบว์แมน สองในเจ็ดบอร์ดผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์
มีตำแหน่งว่างอีกตำแหน่งหนึ่งเมื่อต้นปีนี้ เมื่อเอเดรียนา คูเกลอร์ ลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน ทำให้ทรัมป์มีตำแหน่งว่างอีกตำแหน่งหนึ่ง เขาได้เสนอชื่อสตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ให้ดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่าง
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางและประธานธนาคารกลางหลายครั้งที่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง
พาวเวลยังคงต่อต้านแรงกดดันของทรัมป์ แม้ว่าประธานาธิบดีจะขู่ว่าจะปลดเขาออกก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางในปีหน้าก็ตาม
อย่างไรก็ตาม พาวเวลกล่าวในการประชุมสัมมนาประจำปีของธนาคารกลางที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม โดยระบุว่าเงื่อนไขต่างๆ “อาจนำไปสู่” การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เฟดต้องดำเนินการ “อย่างระมัดระวัง”
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ภาพ : NBC News








