.

ยูบีเอส (UBS) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิต สวิส ในวงเงิน 3 พันล้านฟรังก์สวิส (3.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยหน่วยงานฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้เข้ามามีส่วนในการทำข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์นี้

 

การซื้อกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานร่วมกันระหว่างธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์, รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ โดยธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกู้ยืมจำนวนสูงถึง 1 แสนล้านฟรังก์ (1.08 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนการเทกโอเวอร์กิจการ ขณะที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้อนุมัติเงินค้ำประกันจำนวนสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงให้กับยูบีเอส

 

“การที่ยูบีเอสตัดสินใจเทกโอเวอร์กิจการเครดิต สวิส ถือเป็นทางออกในการสร้างเสถียรภาพการเงินและช่วยปกป้องเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ในวิกฤตการณ์นี้ เนื่องจากเครดิต สวิส เป็นธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงระบบ” นายโธมัส จอร์แดน ประธานธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์กล่าว

 

ทางด้านยูบีเอสระบุว่า ธนาคารที่ผ่านการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 5 ล้านล้านดอลลาร์ และภายใต้ข้อตกลงนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นของเครดิต สวิสจะได้รับหุ้นของยูบีเอสจำนวน 1 หุ้นต่อหุ้นเครดิต สวิส ทุก ๆ 22.48 หุ้นที่ถือครองอยู่

 

นายโคล์ม เคลเลเฮอร์ ประธานยูบีเอสกล่าวว่า “การเข้าซื้อกิจการของเครดิต สวิส ถือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นของยูบีเอสพึงพอใจ อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่าสถานการณ์ของเครดิต สวิสยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล และนี่เป็นการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน”

 

นอกจากนี้ นายเคลเลเฮอร์กล่าวว่า ยูบีเอสวางแผนที่จะลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจของเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขาดทุนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปลดพนักงานจำนวนมากเพียงใด นายเคลเลเฮอร์ตอบว่า “ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเราจะปลดพนักงานจำนวนเท่าใดหลังจากการทำข้อตกลงซื้อกิจการในครั้งนี้”

 

ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสวิตเซอร์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “นี่เป็นการหาทางออกในเชิงธุรกิจ ไม่ใช่การอุ้มกิจการแต่อย่างใด”

 

ในฝั่งสหรัฐนั้น นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอโรม พาเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาขานรับความคืบหน้าดังกล่าว พร้อมกับย้ำว่า “สถานะด้านเงินทุนและสภาพคล่องในระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และระบบการเงินของสหรัฐก็อยู่ในสถานะที่ดีเช่นกัน ที่ผ่านมานั้นสหรัฐได้ติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบที่แข็งแกร่ง”

 

ทั้งนี้ เครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่อายุ 167 ปี นับเป็นธนาคารรายใหญ่สุดที่สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาด หลังจากเกิดวิกฤตการเงินกับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ของสหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครดิต สวิส ต้องขอกู้เงิน 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

 

โดย รัตนา พงศ์ทวิช