.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในวันพุธ (15 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป

 

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 20.40 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 1,931.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ปีนี้

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 15.80 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 21.882 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 27 ดอลลาร์ หรือ 2.71% ปิดที่ 970.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 72.90 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 1,444.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของธนาคารเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครดิต สวิส ถือเป็นการซ้ำเติมความกังวลจากการที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดกิจการของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank)

 

ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1% ภายในสิ้นปีนี้ หลังพบว่าวิกฤตธนาคารได้ลุกลามจากสหรัฐไปยังยุโรป

 

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 48.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

 

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 67.3% ที่อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของเฟดจะลดลงสู่ระดับ 3.50-3.75% ในเดือนธ.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.50-4.75% ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 1.00% ในปีนี้

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์