.

เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวเมื่อวานนี้ (2 เม.ย.) ว่า กองกำลังของตนยึดคืนเมืองและหมู่บ้านมากกว่า 30 แห่งรอบกรุงเคียฟได้แล้วอย่างสมบูรณ์ นับตั้งแต่รัสเซียถอนตัวออกจากพื้นที่ในสัปดาห์นี้ ขณะที่กองทหารรัสเซียจัดทัพใหม่เพื่อเตรียมทำศึกในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน

 

“ภูมิภาคเคียฟทั้งหมดรอดพ้นจากผู้บุกรุกแล้ว” ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครน โพสต์ลงเฟซบุ๊ก

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมืองต่าง ๆ รอบกรุงเคียฟมีร่องรอยความเสียหายและศพผู้เสียชีวิตเกลื่อนถนนจากการสู้รบเป็นเวลา 5 สัปดาห์ โดยนายอนาโตลี เฟโดรุก นายกเทศมนตรีประจำเมืองบูชากล่าวว่า ได้ฝังศพชาวเมืองบูชาในหลุมศพหมู่ไปแล้วเกือบ 300 ราย

 

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวหาว่ากองกำลังรัสเซียทิ้งทุ่นระเบิดไว้ โดยระบุในวิดีโอว่า “พวกเขากำลังทิ้งทุ่นระเบิดไว้ในดินแดนนี้ บ้านโดนวางกับระเบิด อุปกรณ์ก็โดนวางกับระเบิด แม้แต่ศพผู้เสียชีวิตก็ด้วย”

 

ทั้งนี้ รัสเซียกล่าวถึงการถอนกำลังใกล้กรุงเคียฟว่าเป็นการแสดงความปรารถนาดีในการเจรจาสันติภาพ อย่างไรก็ดี ยูเครนและชาติพันธมิตรกล่าวว่า รัสเซียเปลี่ยนความสนใจไปที่ภาคตะวันออกของยูเครน หลังกองทัพสูญเสียกำลังพลครั้งใหญ่ใกล้กรุงเคียฟ

 

“เป้าหมายของกองทัพรัสเซียคืออะไร ก็คือต้องการยึดดอนบาสและทางตอนใต้ของยูเครน แล้วเป้าหมายของเราคืออะไร เพื่อปกป้องตัวเรา เสรีภาพของเรา แผ่นดินของเรา และประชาชนของเรา” ปธน.เซเลนสกีกล่าว

 

ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การที่รัสเซียหันมามุ่งเน้นภาคตะวันออกของยูเครนจะทำให้เมืองท่ามาริอูโพลทางตะวันออกเฉียงใต้ตกเป็นเป้าการโจมตี โดยมาริอูโพลตั้งอยู่ริมทะเลอาซอฟในภูมิภาคดอนบาสที่พูดภาษารัสเซียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งรัสเซียคอยสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ให้ต่อสู้กับกองทหารยูเครนมาเป็นเวลา 8 ปี โดยนักวิเคราะห์ทางทหารคาดว่า ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มุ่งจะยึดครองภูมิภาคนี้หลังจากที่กองกำลังรัสเซียล้มเหลวในการยึดกรุงเคียฟและเมืองใหญ่อื่น ๆ

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์