.

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะยังคงทำตามแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนได้สร้างความไม่แน่นอนอย่างมากต่อแนวโน้มในอนาคต

 

“สิ่งบ่งชี้สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐมีความไม่แน่นอนอย่างมาก และเราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้

 

ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และนโยบายการเงินของเฟด ท่ามกลางการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และวิกฤตการณ์ในยูเครน

 

“ผลกระทบในระยะใกล้ต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน, สงครามที่เกิดขึ้น, มาตรการคว่ำบาตร และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมาก โดยเราจะต้องดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับ และแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป” นายพาวเวลกล่าว

 

นายพาวเวลระบุว่า เงินเฟ้อที่พุ่งสูงและตลาดแรงงานที่ตึงตัวอย่างมากเป็นสาเหตุที่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

“เราคาดว่าจะเป็นการเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมของเราในเดือนนี้ และเฟดจะทำการปรับลดขนาดงบดุลภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์” เขากล่าว

 

นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% แต่เฟดก็เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงขึ้น หากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

 

นายพาวเวลยังระบุว่า เฟดคาดหวังว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในปีนี้ ขณะที่ภาวะคอขวดของอุปทานผ่อนคลายลง

 

นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบที่เบาบางลงต่อเศรษฐกิจ ขณะที่การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์