.

นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และนางลาเอล เบรนาร์ด ผู้อำนวยการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติ (NEC) ของทำเนียบขาวได้แถลงข่าวร่วมกันว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย พร้อมกับเรียกร้องให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวในพรรคเดโมแครตสื่อสารกับสมาชิกสภาคองเกรสถึงผลกระทบของการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์

 

ในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) นางเบรนาร์ดกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น ทีมเจรจาของปธน.โจ ไบเดนได้รับคำแนะนำให้ปฏิเสธข้อเสนอใด ๆ ก็ตามของพรรครีพับลิกันที่ตั้งเงื่อนไขว่าการปรับเพิ่มเพดานหนี้จะต้องแลกกับการยกเลิกนโยบายด้านสุขภาพของชาวอเมริกันหรือทำให้ประชาชนยากจนลง

 

ขณะที่นางแฮร์ริสกล่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันที่ขู่ว่าจะปล่อยให้รัฐบาลผิดนัดชำระหนี้นั้น ถือเป็นความพยายามที่จะทำให้สมาชิกพรรคเดโมแครตยอมรับข้อกำหนดที่แข็งกร้าวในการยกเลิกโครงการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลกลางเพื่อแลกกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้

 

“การผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย” นางแฮร์ริสกล่าว

 

ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ

 

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้

 

“เราได้รับบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาว่าการประวิงเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้นั้น ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคอย่างรุนแรง อีกทั้งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นของประชาชนผู้เสียภาษีปรับตัวสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบด้านลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ” นางเยลเลนระบุในจดหมายที่ส่งถึงสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์