.

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (14 ธ.ค.) โดยระบุว่า เฟดจะไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดให้ความสำคัญกับการใช้นโยบายการเงินที่มีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายดังกล่าว

 

“ไม่ว่าเราจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม เราจะไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับดังกล่าว” นายพาวเวลกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเฟดจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับสูงกว่า 2% หรือไม่

 

“สิ่งที่เราให้ความสำคัญในเวลานี้ก็คือ การใช้นโยบายการเงินที่มีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเราที่ระดับ 2% ให้ได้ และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้” นายพาวเวลกล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเฟดจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการพยุงให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้งหรือไม่ นายพาวเลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่สามารถหลีกเลี่ยงการถดถอยได้

 

“ผมคงไม่สามารถพูดได้ว่า เฟดจะสามารถบรรลุเป้าหมายซอฟต์แลนดิ้ง แต่สิ่งที่ผมยืนยันในเวลานี้ก็คือ เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากนั้นจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับหนึ่งเป็นเวลานานขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ” นายพาวเวลกล่าว

 

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ โดยเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% ในปีนี้

 

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550

 

หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์