.

บัญชาการกองทัพของยูเครนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ย.) ว่า กองกำลังยูเครนเดินหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่องในทางทิศเหนือของแคว้นคาร์คิฟ และกำลังมุ่งหน้าเคลื่อนตัวไปทางทิศใต้และทิศตะวันออก หลังจากที่ได้ตีโต้รัสเซียอย่างหนักจนทำให้รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่ในแคว้นคาร์คิฟ

 

เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวหาว่า กองกำลังรัสเซียที่ล่าถอยได้แก้แค้นยูเครนโดยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานส่วนพลเรือน รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในแคว้นคาร์คิฟ ซึ่งส่งผลให้เกิดไฟดับเป็นวงกว้าง

 

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนทวีตข้อความถึงการโจมตีดังกล่าวของรัสเซียว่า “เป้าหมายคือพรากแสงสว่างและความร้อนไปจากประชาชน”

 

นอกจากนี้ ปธน.เซเลนสกียังยกย่องการโต้กลับของยูเครนว่าอาจเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในสงครามที่กินเวลามาแล้ว 6 เดือน พร้อมเสริมว่า กองทัพยูเครนจะยึดคืนพื้นที่ได้มากกว่านี้ในช่วงฤดูหนาวหากได้รับอาวุธที่มีอานุภาพมากขึ้น

 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ครั้งนี้นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งเลวร้ายที่สุดของกองทัพรัสเซียนับตั้งแต่ถูกขับไล่ออกจากเขตชานเมืองของกรุงเคียฟเมื่อเดือนมี.ค. โดยกองทัพรัสเซียหลายพันนายได้ทิ้งกระสุนปืนและยุทโธปกรณ์จำนวนมากขณะหลบหนีออกจากเมืองอิซยุม ซึ่งรัสเซียเคยใช้เป็นศูนย์กลางการส่งกำลังบำรุง

 

ทั้งนี้ พลเอกวาเลรี ซาลุชนี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครนกล่าวว่า กองกำลังยูเครนได้ยึดคืนพื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร (1,158 ตารางไมล์) นับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์