.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (17 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

 

ดัชนีเฉลี่ยเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,654.59 จุด เพิ่มขึ้น 431.17 จุด หรือ +1.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,088.85 จุด เพิ่มขึ้น 80.84 จุด หรือ +2.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,984.52 จุด เพิ่มขึ้น 321.73 จุด หรือ +2.76%

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 8.2% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

ซิลเวีย จาบลอนสกี นักวิเคราะห์จากบริษัทดีไฟแนนซ์ อีทีเอฟกล่าวว่า นอกเหนือจากรายงานยอดค้าปลีกแล้ว ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าขณะนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.91% โดยหุ้นแอปเปิล 2.54% หุ้นแอมะซอน ทะยานขึ้น 4.11% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.03% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 2.17% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1.77%

 

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 2.86% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ดีดขึ้น 7.11% หุ้นนูคอร์ พุ่งขึ้น 4.48% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป พุ่งขึ้น 3.83% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 2.99%

 

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากยูไนเต็ด แอร์ไลน์ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากอุปสงค์ด้านการเดินทางปรับตัวดีขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 7.67% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 7.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 6.6% หุ้นเจ็ตบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 8.15% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.47%

 

หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 7.47% หลังมีรายงานว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เข้าซื้อหุ้นซิตี้กรุ๊ปเพิ่มขึ้นมากกว่า 55 ล้านหุ้น ส่งผลให้หุ้นดังกล่าวมีมูลค่า 2.95 พันล้านดอลลาร์ในพอร์ทลงทุนของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

 

หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดีดขึ้น 1.68% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 4.09 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.68 ดอลลาร์

 

หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 11.38% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 1.41 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.38 แสนล้านดอลลาร์

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค

 

ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดิ่งลง 8 จุด สู่ระดับ 69 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยมีสาเหตุจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์