.

ศูนย์การแพทย์เชบา (Sheba Medical Center) ของอิสราเอลเปิดเผยผลการวิจัยเบื้องต้นเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 4 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

จีลี เรเกฟ-โยเชย์ หัวหน้าทีมวิจัยของศูนย์การแพทย์เชบาระบุว่า ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์หลังจากเริ่มทำการทดลองฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคให้กับบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 154 คนพบว่า วัคซีนประสบความสำเร็จในการเพิ่มระดับของแอนติบอดี แต่วัคซีนสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

ทั้งนี้ เรเกฟ-โยเชย์ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ กลับมีประสิทธิภาพไม่มากนักในการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี ผู้เข้าร่วมการทดลองซึ่งติดเชื้อนั้น มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย และบางคนไม่มีอาการใด ๆ

กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยว่า อิสราเอลได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับประชาชนที่มีอายุมากกว่า 60 ปีและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอในช่วงปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และหลังจากนั้น ก็มีชาวอิสราเอลกว่าครึ่งหนึ่งที่เข้ารับวัคซีนโดสที่ 4

เรเกฟ-โยเชย์กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับผู้ที่มีความเปราะบางมากที่สุดนั้นถือเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง เพราะอาจจะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ดี เรเกฟ-โยเชย์กล่าวว่า ผลการวิจัยล่าสุดนั้นไม่ได้สนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกช่วงอายุ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ศูนย์การแพทย์เชบายังได้ทำการทดลองใช้วัคซีนเข็มที่ 4 ของบริษัทโมเดอร์นากับอาสาสมัครจำนวน 120 คนซึ่งเคยได้รับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคมาแล้ว 3 เข็ม ซึ่งผลปรากฏว่าหลังการทดลองผ่านไป 1 สัปดาห์ แอนติบอดีของอาสาสมัครเหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่ากับผู้ที่เคยได้รับวัคซีน 4 เข็มของไฟเซอร์

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์