.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (16 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,934.27 จุด ลดลง 54.57 จุด หรือ -0.16%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,475.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,124.10 จุด ลดลง 15.66 จุด หรือ -0.11%

 

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลง โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ที่ดิ่งลงกว่า 200 จุด แต่ตลาดลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ม.ค.ซึ่งระบุว่า แม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าควรมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ, ตลาดแรงงาน และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ แต่การพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น จะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลในการประชุมแต่ละครั้ง โดยเฟดจะกลับมาประเมินไทม์ไลน์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมแต่ละครั้ง

 

ลู ไบรอัน นักวิเคราะห์จากบริษัท DRW Trading กล่าวว่า ตลาดได้รับแรงหนุนในช่วงท้าย หลังรายงานการประชุมบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วและรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดถูกกดดันอย่างหนักจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้แสดงจุดยืนแข็งกร้าวด้วยการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ภายในเดือนก.ค.

 

ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค. โดยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากการการเพิ่มขึ้นของยอดซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทะยานขึ้น 14.5%

 

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 1.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 4.75% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.23% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.46% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดีดขึ้น 0.58%

 

หุ้นล็อกฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและค้าอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.26% หลังบริษัทได้รับเลือกจากรัฐบาลสหรัฐให้ทำการพัฒนาต้นแบบระบบสื่อสาร 5G ให้กับหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐ

 

หุ้นแอร์บีเอ็นบี (Airbnb) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ พุ่งขึ้น 3.65% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2565 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยได้แรงหนุนจากความต้องการด้านการเดินทางที่ฟื้นตัวขึ้น

 

นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เปิดเผยว่า รัสเซียยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน แม้มีรายงานว่ารัสเซียได้ถอนกำลังทหารบางส่วนจากบริเวณดังกล่าวก็ตาม ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตือนเช่นกันว่า รัสเซียยังคงมีกำลังทหารมากกว่า 150,000 นายใกล้ชายแดนยูเครน

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเอ็นวิเดีย (Nvidia), ซิสโก ซิสเต็มส์, แอพพลายด์ มาเทเรียลส์ และทริปแอดไวเซอร์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค

 

ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 1 จุด สู่ระดับ 82 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยดัชนีร่วงลงเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สต็อกบ้านในระดับต่ำ การพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์