.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (11 มี.ค.) โดยยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,944.19 จุด ลดลง 229.88 จุด หรือ -0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,204.31 จุด ลดลง 55.21 จุด หรือ -1.30% และดัชนี Nasdaq  ปิดที่ 12,843.81 จุด ลดลง 286.16 จุด หรือ -2.18%

 

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 2%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 2.9% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.5%

 

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน และดัชนี S&P 500 ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

 

ตลาดปรับตัวลงระหว่างวัน หลังจากเปิดบวกในช่วงเช้าเมื่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียระบุว่า มีความคืบหน้าในเชิงบวกในการเจรจากับยูเครน

 

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดลดลง โดยกลุ่มสื่อสาร ลดลง 1.9% และกลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 1.8%

 

ตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นตัวใหญ่ ๆ ในกลุ่มเติบโตด้วย อาทิ หุ้นแอปเปิลและหุ้นเทสลา ซึ่งร่วงลง 2.4% และ 5.1% ตามลำดับ

 

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มหรือเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.9% หลังถูกรัสเซียดำเนินคดีอาญา เนื่องจากเมตาประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายบริษัท โดยจะอนุญาตให้ผู้ใช้บริการสามารถโพสต์ข้อความสนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อทหารรัสเซีย หลังรัสเซียบุกโจมตียูเครน

 

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนได้มาถึงจุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ในความขัดแย้งกับรัสเซียแล้ว แต่กองกำลังรัสเซียได้ทำการโจมตีเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ และดูเหมือนว่าจะทำการจัดกลุ่มใหม่เพื่อโจมตีกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวง

 

หุ้นกลุ่มเติบโตยังถูกกดดัน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวอยู่ใกล้ระดับ 2%

 

ตลาดวิตกเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

 

นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวลงหลังจากการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 59.7 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 62.8 ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอาจอยู่ที่ระดับ 61.4 ในเดือนมี.ค.

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์