.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 500 จุดในวันจันทร์ (28 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองต่าง ๆ ของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและจะยิ่งทำให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,849.46 จุด ร่วงลง 497.57 จุด หรือ -1.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,963.94 จุด ลดลง 62.18 จุด หรือ -1.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,049.50 จุด ลดลง 176.86 จุด หรือ -1.58%

 

ชาวจีนต่างพากันลุกฮือประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาล โดยมีการรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองอู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และนานกิง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ขณะที่ผู้ประท้วงบางกลุ่มเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง

 

การประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิต 10 คนในอาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เมืองหลวงของซินเจียงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. โดยภาพวิดีโอที่แชร์บนโซเชียลมีเดียทำให้ประชาชนจำนวนมากเชื่อว่า ผู้อยู่อาศัยในอาคารดังกล่าวไม่สามารถหนีไฟได้ทันเวลา เนื่องจากอาคารถูกล็อกดาวน์บางส่วนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

 

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 2.8% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.74%

 

หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.63% หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์ประท้วงที่โรงงานของบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต iPhone ให้กับบริษัทแอปเปิ้ลนั้น จะส่งผลให้ยอดการผลิต iPhone Pro ลดลงถึง 6 ล้านเครื่องในปีนี้

 

วิกตอเรีย เฟอร์นันเดซ นักวิเคราะห์จากบริษัทครอสมาร์ค โกลบอล อินเวสต์เมนท์กล่าวว่า “ขณะนี้บริษัทแอปเปิ้ลไม่สามารถผลิต iPhone ได้ตามออเดอร์ เนื่องจากโรงงานในประเทศจีนปิดสายการผลิต สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับแอปเปิ้ลแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์ในประเทศหนึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ได้ เหตุการณ์ประท้วงในจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่นั้น จะยิ่งส่งผลให้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทวีความรุนแรงมากขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก”

 

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

 

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนร่วงลง หลังมีรายงานว่า บล็อกไฟ (BlockFi) ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยสินเชื่อคริปโทเคอร์เรนซีประกาศล้มละลายเมื่อวานนี้ โดยบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อศาลแขวงในรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐตามมาตรา 11 เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย ทั้งนี้ หุ้นคอยน์เบส (Coinbase) ร่วงลง 4% หุ้นไรออท บล็อกเชน (Riot Blockchain) ดิ่งลง 4.06%

 

หุ้นแอมะซอน ขยับขึ้น 0.58% หลังจากบริษัท Adobe Analytics คาดการณ์ว่า ยอดใช้จ่ายของผู้บริโภคผ่านระบบออนไลน์ในวัน Cyber Monday จะพุ่งขึ้น 5.2% สู่ระดับ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย Cyber Monday เป็นวันที่ชาวอเมริกันจะพากันซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากที่สุดของปี โดยได้แรงหนุนจากการที่ห้างร้านต่าง ๆ พากันลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงท้ายปี

 

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งมีกำหนดกล่าวปาฐกถาว่าด้วยนโยบายการเงินและการคลังที่สถาบันบรู้กกิงส์ในวันที่ 30 พ.ย.เวลา 13.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 01.30 ของวันที่ 1 ธ.ค.ตามเวลาไทย โดยนายพาวเวลจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์