.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 1% ในวันศุกร์ (26 ส.ค.) หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในการแสดงสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮลว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 21.6 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,749.8 ดอลลาร์/ออนซ์ และปิดลดลง 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 37.4 เซนต์ หรือ 1.96% ปิดที่ 18.746 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18.6 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 855.3 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 17.90 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,121.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำถูกกดดัน หลังจากที่นายพาวเวลย้ำว่า เฟดจะยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และมีแนวโน้มที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนก.ย.

 

นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการแสดงความเห็นดังกล่าวของนายพาวเวลด้วย

 

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

 

การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์ถ่วงสัญญาทองคำลงด้วย โดยลดความน่าสนใจของทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.8% และชะลอตัวจากระดับ 4.8% ในเดือนมิ.ย.

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย. ส่วนรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.2 ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 55.1 จากระดับ 51.5 ในเดือนก.ค.

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์