.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ

 

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.6 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,930 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7.9 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 24.02 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 23.1 ดอลลาร์ หรือ 2.21% ปิดที่ 1,023 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 24.10 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,663.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%

 

นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิต เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 186,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 205,000 ราย

 

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงไบรอัน ลันดิน จากบริษัท Gold Newsletter มองว่า สัญญาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากตัวเลข GDP สหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดอาจจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป

 

ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.19% แตะที่ 101.8360 เมื่อคืนนี้

 

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์