.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (20 ธ.ค.) โดยตลาดฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ อย่างไรดี นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายที่อ่อนแอในช่วงเทศกาลวันหยุดของผู้บริโภค และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมเมื่อวานนี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,849.74 จุด เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,821.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.96 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,547.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.01%

 

แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และล่าสุด BOJ ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25% ซึ่งนักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะหันมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินตามรอยธนาคารกลางทั่วโลก

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทบีเอ็มโอกล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปีนี้จะเน้นไปยังสินค้าและการบริการที่มีข้อเสนอลดแลกแจกแถม ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นก็อยู่ในท่าทีของการระมัดระวังซื้อขายหลังจากตลาดผันผวนอย่างหนักในปีนี้

 

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.52% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.44% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.64% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.77%

 

หุ้นเฟ็ดเอ็กซ์ ร่วงลง 2.6% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในวันนี้

 

หุ้นเทสลา ร่วงลง 8% หลังจากบริษัทโบรกเกอร์อย่างน้อย 3 รายได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของเทสลา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ซบเซา รวมทั้งสถานะของนายอีลอน มัสก์ในบริษัททวิตเตอร์ หลังจากนายมัสก์เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์โหวตแสดงความเห็นว่าเขาควรอยู่ในตำแหน่งซีอีโอของทวิตเตอร์ต่อไปหรือไม่ ซึ่งผลการสำรวจพบว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนใหญ่โหวตให้นายมัสก์ออกจากตำแหน่ง

 

หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2% หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐได้สั่งปรับเวลส์ ฟาร์โกเป็นเงิน 3.7 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการปล่อยกู้ซื้อรถยนต์ และบัญชีเงินฝาก

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.427 ล้านยูนิต แต่การอนุญาตก่อสร้างบ้านดิ่งลง 11.2% สู่ระดับ 1.342 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2565, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์