.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันอังคาร (20 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเงินเฟ้อ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,706.23 จุด ร่วงลง 313.45 จุด หรือ -1.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,855.93 จุด ลดลง 43.96 จุด หรือ -1.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,425.05 จุด ลดลง 109.97 จุด หรือ -0.95%

 

นักลงทุนจับตาผลการประชุมของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย รวมทั้งการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของกรรมการเฟด (Dot Plot) และการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานซึ่งคณะกรรมการเฟดจะมีการเปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุม

 

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีระบุว่า นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นสหรัฐคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และเฟดจะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.26% ในเดือนมี.ค. 2566 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลาเกือบ 11 เดือน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบรรดานักวิเคราะห์ที่คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือนไปจนถึง 2 ปี

 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า มีแนวโน้ม 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อันเนื่องจากการที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป และคาดว่าเฟดอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2%

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 2.51% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ดิ่งลง 3.16%

 

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 12.32% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อเป็นมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น และเปิดเผยว่าบริษัทต้องเลื่อนการส่งมอบรถยนต์บางส่วนออกไปเป็นไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์

 

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นบริษัทรถยนต์ที่เป็นคู่แข่งของฟอร์ดร่วงลงด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ร่วงลง 5.6%

 

หุ้นไนกี้ ร่วงลง 4.47% หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้ลงสู่ระดับ “Equal weight” จากระดับ “Overweight” โดยระบุถึงผลกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

 

หุ้นแก๊ป (Gap) ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 3.26% หลังบริษัทประกาศปลดพนักงาน 500 ตำแหน่ง และยกเลิกการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ประกอบการรายปี เนื่องจากยอดขายชะลอตัวและสินค้าค้างสต็อกมีจำนวนมากขึ้น

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 12.2% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.575 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 1.404 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์