.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) เนื่องจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเอกชนยังคงเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดก่อนการประชุมนโยบายการเงินในเดือนหน้า

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,786.62 จุด ลดลง 110.39 จุด หรือ -0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,129.79 จุด ลดลง 24.73 จุด หรือ -0.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,059.56 จุด ลดลง 97.67 จุด หรือ -0.80%

 

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยล่าสุดบริษัทเทสลาเปิดเผยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ระดับ 19.3% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 22.4% และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 ส่วนรายได้สุทธิอยู่ที่ 2.51 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 24% เมื่อเทียบรายปี

 

ราคาหุ้นเทสลาปิดตลาดร่วงลง 9.7% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด อันเป็นผลมาจากการที่เทสลาปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าหลายครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นอุปสงค์และรับมือกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด

 

หุ้น AT&T ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 10.41% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2566 ที่ระดับ 3.014 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.027 หมื่นล้านดอลลาร์

 

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 2.96% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลง 1.22% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.8% หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 0.58%

 

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงติดต่อกัน 2 วันทำการและหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้น เอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.8% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.49% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.4%

 

นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยขณะนี้เฟดใกล้จะเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันที่ 22 เม.ย. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 2-3 พ.ค. ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของเฟด

 

ล่าสุดนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า “อุปสงค์ยังคงสูงกว่าอุปทานทั้งในตลาดแรงงานและภาคการผลิต ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป ด้วยเหตุนี้เฟดยังคงต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และหนุนให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 5%”

 

อย่างไรก็ดี นางเมสเตอร์ระบุว่า วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เฟดเริ่มต้นจากปีที่แล้ว กำลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 240,000 ราย

 

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.4% สู่ระดับ 4.4 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 22% ในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์