.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,535.91 จุด เพิ่มขึ้น 115.14 จุด หรือ +0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,198.05 จุด เพิ่มขึ้น 39.28 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,688.84 จุด เพิ่มขึ้น 188.27 จุด หรือ +1.51%

 

บริษัทวอลมาร์ทเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในช่วงเดือนก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงินบริษัท โดยระบุว่ากำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.47 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 1.5230 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.4876 แสนล้านดอลลาร์

 

วอลมาร์ทคาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 1.63-1.68 ดอลลาร์ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้นตลอดปีงบการเงิน 2566 สู่ระดับ 6.10-6.20 ดอลลาร์ จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.90-6.05 ดอลลาร์ โดยข่าวดังกล่าวหนุนราคาหุ้นวอลมาร์ทปิดพุ่งขึ้น 1.30%

 

ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ โดยขณะนี้คณะทำงานของทำเนียบขาวและสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการเจรจา และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงภายในปลายสัปดาห์นี้ ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะจัดการลงมติในญัตติดังกล่าวในสัปดาห์หน้า

 

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.5% โดยหุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.37% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.44% หุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้น 4.97% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 9.22% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.65%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 254,000 ราย

 

นักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน แต่ก็อาจเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดไม่ได้สนับสนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.

 

ทั้งนี้ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักเพียง 10.7%

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์