.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,696.85 จุด ร่วงลง 431.20 จุด หรือ -1.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,090.41 จุด ลดลง 57.19 จุด หรือ -1.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,855.83 จุด ลดลง 214.76 จุด หรือ -1.78%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 194,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ

 

นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.5% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับดังกล่าวก่อนที่จะปรับลดลง 0.25% ในเดือนธ.ค.ปีนี้

 

ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป พร้อมกับเปิดเผยว่าในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เธอเป็นผู้เสนอให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ ต้องการ

 

ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงได้ แม้จะทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลงด้วยก็ตาม นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังเปิดเผยว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เขาเสนอให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และเขาคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมเดือนมี.ค.นี้

 

ราคาหุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.16% และกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.75%

 

หุ้นเทสลา ร่วงลง 5.69% หลังจากเทสลาประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวนมากถึง 362,000 คันในสหรัฐ เนื่องจากพบว่าซอฟต์แวร์ “Full Self-Driving Beta” หรือ FSD Beta อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนกัน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์