.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (14 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,966.35 จุด ลดลง 142.29 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,995.32 จุด ลดลง 24.33 จุด หรือ -0.61% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,170.89 จุด ลดลง 85.93 จุด หรือ -0.76%

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.75% ภายในสิ้นปี 2566

 

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด (Terminal rate) สู่ระดับ 5.1% ภายในปี 2566 ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550

 

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดให้ความสำคัญกับการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% พร้อมกับกล่าวว่า แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนต.ค.และเดือนพ.ย. แต่เราต้องการเห็นหลักฐานมากกว่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างยั่งยืน

 

จิม คารอน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตลาดปิดในแดนลบคือการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด โดยรายงาน Dot Plot ครั้งล่าสุดระบุว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ภายในปี 2566 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ารายงาน Dot Plot ในการประชุมเดือนก.ย.ที่เฟดระบุว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 4.6% ภายในปี 2566″

 

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลง 1.29% ทั้งนี้ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.47% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.25% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1%

 

หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.58% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัทเทสลาลงสู่ระดับ 235 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 305 ดอลลาร์

 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์