.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดอาจจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,089.27 จุด ลดลง 156.66 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,136.13 จุด ลดลง 1.16 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,960.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.36 จุด หรือ +0.57%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.2% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.4%

 

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.3%

 

ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.และเดือนพ.ค.

 

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ และนางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส แสดงความเห็นว่า เฟดจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 1.08% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.95%

 

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นอินวิเดีย ทะยานขึ้น 5.43% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.31% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 3.39% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 7.51%

 

หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากสายการบินแอร์อินเดียทำข้อตกลงซื้อเครื่องบินโดยสารจากโบอิ้งจำนวน 220 ลำ

 

หุ้นแมร์ริออต อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 4% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2566 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเดินทางที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

หุ้นโคคา-โคล่า ปรับตัวลง 1.7% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 45 เซนต์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

 

นักลงทุนจับตารายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์