.

ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (10 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้น แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หลังจากบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประสานเสียงเตือนว่า เฟดยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

 

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,869.27 จุด เพิ่มขึ้น 169.39 จุด หรือ +0.50% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,090.46 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.22% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,718.12 จุด ลดลง 71.46 จุด หรือ -0.61%

 

ข้อมูลจาก Dow Jones Market Data บ่งชี้ว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.2%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.4%

 

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันและเป็นการปรับตัวลงเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ธ.ค. ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดลบในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกหลังจากปิดบวก 5 สัปดาห์ติดต่อกัน

 

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 66.4 ในเดือนก.พ. โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 65.1 จากระดับ 64.9 ในเดือนม.ค.

 

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.6 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวลงสู่ระดับ 62.3

 

แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง หลังหุ้นเติบโตรายใหญ่ ๆ เผชิญแรงกดดัน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรบ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้น และหุ้นลิฟต์ (Lyft) ซึ่งให้บริการเรียกรถรับส่ง ร่วงลง หลังคาดการณ์แนวโน้มผลกำไรที่ซบเซา

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปีเมื่อวันพฤหัสบดีเป็นไปอย่างซบเซา

 

หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.92% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.22%

 

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันในวันศุกร์ หลังจากรัสเซียเปิดเผยแผนการที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันดิบ

 

หุ้นลิฟต์ ร่วง 36.44% ขณะที่หุ้นอูเบอร์ ซึ่งเป็นคู่แข่ง ร่วง 4.43%

 

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) บ่งชี้ว่า บริษัทในดัชนี S&P500 มากกว่าครึ่งรายงานผลประกอบการออกมาแล้ว โดย 69% รายงานผลกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2565

 

บรรดานักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐประจำเดือนม.ค.ในวันอังคารนี้

 

ที่มา          สำนักข่าวอินโฟเควสท์