.

ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ จะได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

 

“การเปิดประเทศของจีนจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเดินทางด้วยเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในไตรมาส 3 ปีนี้ หากจีนและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่ล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา” นายเจฟฟ์ เคอร์รี หัวหน้าทีมวิจัยด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของโกลด์แมน แซคส์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กในวันพุธ (11 ม.ค.)

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 2.57 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 82.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) พุ่งขึ้น 2.29 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 77.41 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กในวันพุธ

 

นอกจากนี้ ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาทองแดงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นทะลุระดับ 11,500 ดอลลาร์/ตันภายในสิ้นปี 2566 และในระยะยาวนั้น คาดว่าราคาทองแดงมีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 15,000 ดอลลาร์/ตัน

 

ทั้งนี้ จีนประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดรับนักเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก ทั้งยังเปิดโอกาสให้พลเมืองจีนทำหนังสือเดินทางและขอวีซ่าเพื่อเดินทางทำธุรกิจและท่องเที่ยว รวมถึงกลับมาเปิดด่านชายแดนเพื่อการขนส่งสินค้าอีกครั้ง พร้อมกันนี้ จีนได้ยกเลิกมาตรการกักตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางถึงจีน

 

นอกจากนี้ จีนได้ประกาศลดระดับการจัดการโรคโควิด-19 จากที่เคยใช้มาตรการต่อต้านโรคติดเชื้อระดับเอ (Class A) ลดลงเป็นระดับบี (Class B) หลังจากที่กว่า 90% ของประชากรทั้งหมด 1.4 พันล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว ขณะเดียวกันจีนจะไม่บังคับใช้มาตรการกักตัวหรือปูพรมตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกต่อไป ทั้งยังยกเลิกแนวปฏิบัติในการระบุตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ รวมถึงการกำหนดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงและต่ำด้วย

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์