.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 1 พันจุดในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขานรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,715.37 จุด พุ่งขึ้น 1,201.43 จุด หรือ +3.70%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,956.37 จุด เพิ่มขึ้น 207.80 จุด หรือ +5.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,114.15 จุด พุ่งขึ้น 760.97 จุด หรือ +7.35%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.9% และชะลอตัวจากระดับ 8.2% ในเดือนก.ย.

 

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5% และชะลอตัวจากระดับ 6.6% ในเดือนก.ย.

 

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 80.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 19.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

 

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงหลุดจากระดับ 4% และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยหนุนตลาด เนื่องจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองด้วยนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียน

 

ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่เคยถูกกระทบอย่างหนักจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นเมตา ทะยานขึ้น 10.25% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 8.23% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 7.58% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 8.9% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 7.39%

 

หุ้นแอมะซอนพุ่งขึ้น 12.18% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า แอมะซอนกำลังพิจารณาการปรับลดต้นทุนของบริษัทในเครือที่ไม่มีศักยภาพในการทำกำไร

 

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ทะยานขึ้น 10.69% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ พุ่งขึ้น 7.45% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ทะยานขึ้น 10.92% หุ้นพัลท์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 13.45% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 12.57%

 

ส่วนราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 17,000 ดอลลาร์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน ขานรับสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดและเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ราคาบิตคอยน์และสกุลเงินคริปโทฯร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโทฯ

 

นักลงทุนยังคงรอดูผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานว่า ผลการนับคะแนนล่าสุดพบว่าพรรครีพับลิกันยังคงมีคะแนนนำพรรคเดโมแครตทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ แต่คะแนนไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก และไม่เกิดกระแส Red Wave หรือการชนะอย่างถล่มทลายของพรรครีพับลิกันตามที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์