.

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8% เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ถือเป็นเป้าหมายที่มีความเหมาะสม

 

นอกจากนี้ นางเยลเลนยังกล่าวว่า จีนได้ดำเนินการทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม แต่การที่รัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนไม่ได้สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านผลประโยชน์ของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ นางเยลเลนได้เข้าชี้แจงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 โดยได้กล่าวถึงปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ และการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยนางเยลเลนได้เข้าพบคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ หลังจากที่ได้พบคณะกรรมาธิการการเงินประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้

 

นางเยลเลนกล่าววานนี้ว่า สหรัฐได้เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงอย่างที่ยอมรับไม่ได้ ทำให้มีความจำเป็นในการใช้มาตรการทางการคลังที่เหมาะสมในการสกัดแรงกดดันจากเงินเฟ้อโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

 

นางเยลเลนกล่าวว่า เงินเฟ้อที่พุ่งสูงดังกล่าวเกิดจากภาวะที่ไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งรวมทั้งความต้องการสินค้าที่พุ่งขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน

 

นอกจากนี้ ราคาอาหารและพลังงานที่ทะยานขึ้นหลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ

 

ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้กล่าวปกป้องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายโจมตีว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปีมีสาเหตุจากมาตรการ American Rescue Plan (ARP) วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน

 

“เราเห็นเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วเกือบทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งพวกเขาก็มีการใช้นโยบายการคลังที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐมีสาเหตุจาก ARP และการแก้ไขภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นเป้าหมายหลักของปธน.ไบเดน” นางเยลเลนกล่าว

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์