.

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยใช้เวลาในการแถลงประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที

ไบเดนเปิดฉากด้วยการหันไปแสดงความยินดีกับนายเควิน แมคคาร์ธี สมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ของสหรัฐ และนั่งอยู่ด้านข้างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ที่บริเวณด้านหลังของโพเดียม โดยไบเดนกล่าวว่า “ท่านประธานสภาผู้แทนฯ ผมรอคอยที่จะร่วมงานกับท่าน”

 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้สรุปสาระสำคัญในการแถลงนโยบายประจำปีของไบเดนดังนี้:

 

* คณะบริหารของทำเนียบขาวสามารถสร้างงานได้มากถึง 12 ล้านตำแหน่ง

ไบเดนประเดิมการแถลงนโยบายประจำปีด้วยการกล่าวว่า คณะบริหารของเขาสามารถสร้างงานใหม่ในสหรัฐได้จำนวนมากถึง 12 ล้านตำแหน่งภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งมากกว่าที่ประธานาธิบดีคนใด ๆ ในสหรัฐเคยสร้างได้ใน 4 ปี

นอกจากนี้ ไบเดนระบุว่า การจ้างงานในหมู่ประชากรผิวสีและกลุ่มฮิสแปนิก (Hispanic) หรือชาวอเมริกันเชื้อสายสเปนและลาตินอเมริกา พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

* ไบเดนลั่น วัสดุก่อสร้างทุกชนิดที่ใช้ในโครงการของรัฐต้องผลิตในอเมริกา

ไบเดนประกาศมาตรฐานใหม่ ด้วยการกำหนดว่าวัสดุก่อสร้างทุกชนิดที่ใช้ในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลนั้น จะต้องเป็นวัสดุที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

“ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ไม้ กระจก ผนังสำเร็จรูป ไฟเบอร์ออปติกเคเบิล หรือวัสดุที่ใช้ทำนาฬิกา ถนน สะพาน และทางหลวงของอเมริกัน จะต้องเป็นวัสดุที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น” ไบเดนกล่าว

จากนั้นไบเดนหันไปมองกล้องโทรทัศน์เพื่อสื่อสารถึงชาวอเมริกันทั่วประเทศว่า “แผนเศรษฐกิจของผม คือการลงทุนในสถานที่และประชาชนที่ถูกหลงลืม … ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น มีประชาชนจำนวนมากเกินไปที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังและถูกปฏิบัติราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน ซึ่งอาจจะเป็นพวกคุณที่กำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านในเวลานี้”

“คุณจำช่วงเวลาที่เคยตกงานได้ดีใช่ไหม ผมเข้าใจความรู้สึกพวกคุณดี คุณสับสนและกังวลถึงอนาคตของลูก ๆ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผมจึงต้องสร้างระบบเศรษฐกิจที่จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง … งานจะกลับมา ความภาคภูมิใจจะกลับมา เพราะเราได้แผ้วถางทางทุกอย่างไว้แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

 

* เงินเฟ้อชะลอตัวลงทุกเดือน บ่งชี้ถึงความสำเร็จของรัฐบาล

ไบเดนกล่าวว่า เขาทราบดีว่าชาวอเมริกันยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ แต่เขามองว่าขณะนี้เงินเฟ้อกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ถูกต้อง

“ในเรื่องของเงินเฟ้อนั้น เราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าทุกประเทศบนโลกใบนี้ แม้เรายังต้องพยายามอีกมาก แต่ขณะนี้เงินเฟ้อในประเทศกำลังชะลอตัวลง ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลงไปแล้ว 1.50 ดอลลาร์จากระดับสูงสุด ตัวเลขเงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาอาหารก็กำลังอ่อนตัวลง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลดลงรวดเร็วมากพอ แต่ก็เริ่มชะลอลง … เงินเฟ้อของเราลดลงทุกเดือนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา” ไบเดนกล่าว

 

* ไบเดนอ้างผลงานการลงทุนด้านการผลิต

ไบเดนอ้างว่า กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสนั้น จะช่วยสร้างงานใหม่มากกว่าหลายแสนล้านตำแหน่ง ซึ่งงานเหล่านี้มาจากบริษัทที่ได้ประกาศการลงทุนในภาคการผลิตของสหรัฐเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า

 

* ไบเดนเรียกร้องขึ้นเงินเดือนให้กับครูโรงเรียนรัฐบาล และการเข้าถึงโรงเรียนเตรียมอนุบาล

ในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ ไบเดนเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นเงินเดือนให้กับบรรดาครูในโรงเรียนรัฐบาล และเปิดทางให้ลูกหลานของชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงโรงเรียนเตรียมอนุบาล

“ถ้าคุณต้องการแรงงานที่มีการศึกษาที่ดี คุณต้องทำให้ภารกิจนี้สำเร็จด้วยการอนุญาตให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโรงเรียนเตรียมอนุบาลสำหรับลูก ๆ วัย 3-4 ขวบ และขึ้นเงินเดือนให้กับครูโรงเรียนรัฐบาล” ไบเดนกล่าว

 

* ไบเดนวอนคองเกรสผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ วิจารณ์รัฐบาลทรัมป์สร้างหนี้

ไบเดนใช้เวทีการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ในการส่งคำเรียกร้องโดยตรงถึงสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสให้เร่งผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้โดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างหนี้สินของประเทศไว้เป็นจำนวนมาก

“ไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดที่ตลอดระยะเวลา 4 ปีได้สร้างหนี้สินให้กับประเทศได้มากเท่ากับประธานาธิบดีคนก่อน เกือบ 25% ของหนี้สินประเทศที่รวมกันในเวลากว่า 200 ปีนั้น เกิดขึ้นในยุคสมัยของคณะบริหารของประธานาธิบดีคนก่อน แล้วสภาคองเกรสตอบสนองเรื่องนี้อย่างไรในเวลานั้น? คำตอบคือสภาคองเกรสได้อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ถึง 3 ครั้งโดยไม่มีเงื่อนไข …ดังนั้นในวันนี้ ผมจึงขอร้องให้สภาคองเกรสทำเช่นนั้นบ้าง ”

 

* สหรัฐเป็นหนึ่งเดียวกับนาโต ยืนข้างยูเครนสู้ศึกรัสเซีย

ไบเดนกล่าวว่า สหรัฐมีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และจะสร้างความร่วมมือระดับโลก นอกจากนี้ ไบเดนย้ำว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนยูเครนเพื่อสู้ศึกกับรัสเซีย หลังจากรัสเซียส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ปีที่แล้ว และขณะนี้ใกล้จะครบ 1 ปีของสงคราม

“เราจะร่วมมือกับนาโต เพื่อทำในสิ่งที่อเมริกาทำอย่างดีมาโดยตลอด เราจะเป็นแกนนำและเราจะเป็นหนึ่งเดียวกับนาโต เราจะสร้างความร่วมมือระดับโลก เราขอยืนหยัดต่อต้านวลาดิเมียร์ ปูติน และเราขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวยูเครน ในวันนี้นับเป็นอีกวันหนึ่งที่เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอยู่ด้วยกันกับเราที่นี่ ท่านไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนความกล้าหาญของประชาชนชาวยูเครนด้วย” ไบเดนกล่าว

 

* ไบเดนปลื้มสหรัฐยกเลิกมาตรการฉุกเฉินควบคุมโควิด

ไบเดนหยิบยกประเด็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐมีความคืบหน้าในการรับมือกับโรคโควิด-19 และความสำเร็จของการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

“แม้ว่าไวรัสโควิด-19 ยังไม่ถูกขจัดไปจนหมด แต่เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการที่ชาวอเมริกันเริ่มฟื้นตัว และสำหรับประสิทธิภาพของยาที่สามารถช่วยให้เรารอดพ้นจากวิกฤตโควิด” ไบเดนกล่าว

ทั้งนี้ ไบเดนได้ประกาศความสำเร็จที่คณะบริหารของสหรัฐสามารถยุติมาตรการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในเดือนพ.ค. 2565 หลังจากที่บังคับใช้มาเป็นเวลานานถึง 3  ปี

 

* “เราต้องควบคุมบริษัทโซเชียลมีเดีย”

ในช่วงท้ายของการแถลงนโยบาย ไบเดนได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยให้มุ่งเน้นเรื่องการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ความปลอดภัยของเด็ก และการแข่งขันในตลาดดิจิทัล

“ท้ายที่สุดแล้วเราควรจะควบคุมบริษัทโซเชียลมีเดีย ด้วยการตรวจสอบว่าบริษัทเหล่านี้ใช้เด็ก ๆ ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องผ่านร่างกฎหมายเพื่อยับยั้งไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็กและวัยรุ่นบนโลกออนไลน์” ไบเดนกล่าว และจากนั้นสมาชิกจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็ลุกขึ้นปรบมืออย่างกึกก้อง ซึ่งรวมถึงนายแมคคาธีด้วย

 

สำหรับการแถลงนโยบายประจำปีของไบเดนในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาได้แถลงนโยบายประจำปีในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่น ๆ ซึ่งมักทำการแถลงในเดือนม.ค.หรือก.พ.

นอกจากนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ของไบเดนในครั้งนี้ ถือเป็นการแถลงนโยบายประจำปีเป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรสชุดนี้ ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

 

ที่มา          สำนักข่าวอินโฟเควสท์