.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (3 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ จะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,899.70 จุด ลดลง 348.58 จุด หรือ -1.05%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,108.54 จุด ลดลง 68.28 จุด หรือ -1.63% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 12,012.73 จุด ลดลง 304.16 จุด หรือ -2.47%

 

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์และ Nasdaq ลดลงราว 1% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 1.2%

 

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 2.85% และ 2.48% ตามลำดับ แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.4% ตามราคาน้ำมัน

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 325,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ตึงตัว

 

ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด โดยตลาดปรับตัวรับคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมิ.ย.และก.ค.

 

“การขยายตัวของการจ้างงานแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเฟด” คริส โลว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอฟเอชเอ็น ไฟแนนเชียลระบุ

 

“ตราบใดที่การขยายตัวของการจ้างงานเร็วกว่าแนวโน้มการขยายตัวของกำลังแรงงาน เฟดจะใช้กลยุทธ์คุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อจัดการกับวัฏจักรเศรษฐกิจ” เขากล่าว

 

การร่วงลงของหุ้นแอปเปิล อิงค์และหุ้นเทสลา ฉุดตลาดลงด้วย โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลง 3.86% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า แอปสโตร์ของแอปเปิลกำลังแสดงสัญญาณชะลอการขยายตัว

 

หุ้นเทสลาร่วงลง 9.22% หลังนายอีลอน มัสก์ได้ส่งอีเมลถึงบรรดาผู้บริหารระบุว่า เขารู้สึกแย่มากเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และจำเป็นต้องปรับลดพนักงานของเทสลาลงราว 10%

 

นอกจากนี้ หุ้นชิปยังกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นไมครอนร่วงลง 7.20% หลังบริษัทไพเพอร์ แซนด์เลอร์ ปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้นไมครอนจาก “คงน้ำหนักการลงทุน” เป็น “ลดน้ำหนักการลงทุน” โดยระบุถึงแรงกดดันด้านราคาและอุปสงค์ที่อ่อนแอ

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์